รถยนต์นั้น แน่นอนว่าเดี๋ยวนี้ถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไก หากมีรถยนต์ส่วนตัวน่าจะสะดวกกว่าการไปรอใช้รถบริการสาธารณะที่อาจจะไม่ครอบคลุม แต่การมีรถยนต์สักคันหนึ่งนั้นถึงแม้ว่าจะสะดวก สบายขึ้น แต่ก็มีรายจ่ายที่จำเป็นเพิ่มขึ้นมาด้วยเช่นกัน อย่างหนึ่งที่ถือว่าจำเป็นของรถยนต์เลยก็คือการต่อประกันรถยนต์ ราคาต่างๆที่ต้องทำกันทุกปี
ต่อประกันรถยนต์ จำเป็นหรือไม่
คำถามแรกเลยก็คือ การต่อประกันรถยนต์ ราคาต่างๆนั้นมีความจำเป็นหรือไม่ อันนี้ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่าจำเป็นอย่างมาก เพราะการต่อประกันรถยนต์จะช่วยให้บรรเทาปัญหาหรืออุบัติเหตุทางรถยนต์ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเราได้ทุกเมื่อ(อย่าคิดว่าไม่ทางเกิดอุบัติเหตุ) ยิ่งเรามีประกันรถยนต์ ราคาสูงเวลาเกิดเหตุก็จะช่วยเราได้มาก สรุปว่าการต่อประกันรถยนต์เป็นเรื่องจำเป็นที่เจ้าของรถยนต์จะต้องต่อให้เป็นปัจจุบัน
ต่อประกันรถยนต์ มีแบบไหนบ้างตอนนี้
คงจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เจ้าของรถหลายคนสงสัยว่าทำไมราคาการต่อประกันรถยนต์ไม่เท่ากัน สาเหตุหนึ่งที่ราคาไม่เท่ากันนั้นก็คือ ประกันรถยนต์แต่ละประเภทไม่เหมือนกัน กล่าวคือ ประกันภัยรถยนต์ในปัจจุบันนี้จะมีดังนี้คือ ประกันภัยรถยนต์แบบเหมาทั้งปีโดยจะมีระดับดังนี้คือ ประกันภัยชั้น 1 , ชั้น 2+ ชั้น 2 ชั้น 3+และ ชั้น 3 นอกจากนั้นยังมีประภัยรถยนต์แบบใหม่ที่คิดตามระยะที่ใช้งานอีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม : เลือก ประกันภัยรถยนต์ แบบไหนดี
ต่อประกันรถยนต์ เลือกตามการใช้งาน
คำถามต่อมาก็คือ เราจะเลือกต่อประกันรถยนต์ ราคาไหนดี อันนี้ถือว่าเป็นคำถามสำคัญ ซึ่งการเลือกประกันภัยรถยนต์นั้น เราขอแบ่งออกเป็นสองกลุ่มก็คือ เลือกตามการใช้งานของเจ้าของ ถ้าหากว่าเราต้องใช้รถอยู่เป็นประจำ ใช้ทุกวัน ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล เราขอแนะนำให้เลือกประกันภัยรถยนต์ตั้งแต่ชั้น 2 เป็นต้นไป เพราะการใช้ทุกวันอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้บ่อย ส่วนรถคันไหนที่ไม่ค่อยได้ขับ จอดแช่อยู่บ้านทั้งวัน แนะนำว่าเลือกต่อประกันรถยนต์ ราคาถูกอย่างชั้น 3+ หรือ 3 ก็โอเค
ต่อประกันรถยนต์ เลือกตามชนิดของรถยนต์
ถ้าหากเราเป็นเจ้าของรถยนต์คนใหม่ป้ายแดง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถกระบะ หรือ รถตู้ แน่นอนว่าเราขอแนะนำว่าควรจะเลือกต่อประกันรถยนต์ ราคาแพงหน่อย อย่างประกันชั้น 1 เท่านั้น เพราะนอกจากจะคุ้มครองในเรื่องของอุบัติเหตุแล้ว หากเกิดกรณีไฟไหม้ หรือ รถหายก็คุ้มครองด้วย ถึงอาจจะไม่ครบแต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย อย่าลืมว่ารถใหม่มักจะเป็นที่หมายปองของเหล่ามิจฉาชีพอยู่แล้ว แต่ถ้ารถเริ่มมีอายุการใช้งานประมาณ 10 ปีขึ้นไปเลือกประกันภัย 2+ ก็น่าจะโอเค(เพราะประกันชั้น 1 ใช้ได้เฉพาะรถใหม่เท่านั้น) ส่วนอายุการใช้งานตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ชั้น 2 – 3+ ก็ได้อยู่
ต่อประกันรถยนต์ เริ่มต้นตรงไหน
การต่อประกันรถยนต์ จะเริ่มต้นที่ตรงไหน เราขอแนะนำคร่าวๆว่า ขั้นตอนแรกให้สำรวจพฤติกรรมการใช้งานรถยนต์ของตัวเองก่อนว่าเป็นอย่างไร ใช้มากใช้น้อย ชนมากน้อยแค่ไหน แล้วตัดสินใจเลือกเลยว่าประกันรถยนต์ในระดับไหนเหมาะกับเรา จากนั้นก็เข้าไปตรวจสอบราคาประกันรถยนต์ ราคาต่างๆของแต่ละบริษัทว่าเป็นอย่างไร หรือ ถ้าไม่มีเวลาสำรวจ แนะนำให้เข้าไปเว็บ หรือ แอพเกี่ยวกับประกันรถยนต์ เค้าจะมีตารางเปรียบเทียบราคาให้พร้อมเลย
ต่อประกันรถยนต์ ราคาแต่ละบริษัทไม่เท่ากัน
หากเราพิจารณาการต่อประกันรถยนต์ ราคาจะไม่เท่ากันเลย แต่ละบริษัท บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไม มันขึ้นอยู่กับอะไร ? คำตอบก็คือ ประกันรถยนต์นั้นเวลาคำนวณเบี้ยประกัน เค้าจะนำข้อมูลมาพิจารณาดังนี้คือ
- หนึ่งอายุการใช้งานของรถ
- สองขนาด(CC.) ยี่ห้อ และรุ่นของรถ เรื่องนี้มีผลต่อการซ่อม เคลมประกัน
- สามชนิดของประกันรถยนต์ ถ้าประกันภัยชั้น 1 ก็จะแพงหน่อย ส่วนชั้น 2+, 2 , 3+ และ 3 ก็ลดลงไปตามลำดับ เนื่องจากการคุ้มครองครอบคลุมไม่เท่ากัน ยิ่งครอบคลุมมากจะยิ่งแพง
ต่อประกันรถยนต์ ราคาเท่าไรของยี่ห้อไหนดี
เมื่อเราได้ราคาต่อประกันภัยรถยนต์ ราคาที่เราต้องการแล้ว คำถามต่อไปก็คือ เราจะเลือกประกันภัยรถยนต์ของยี่ห้อ โบรกเกอร์ หรือบริษัทไหนดี เพราะหากเราดูจากโฆษณาจะเห็นว่าแต่ละบริษัทต่างก็บอกว่าของตัวเองดีหมด แต่ข้อมูลที่จะนำมาพิจารณาจริงๆ ควรจะไปดูที่การเคลมว่าทำได้ดีแค่ไหน ไปถึงที่เกิดเหตุเร็วหรือไม่ มีอู่สำหรับซ่อมเยอะแค่ไหน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถดูได้จากการรีวิว หรือ ผลตอบรับจากผู้ใช้จริง ตามเว็บบอร์ดชื่อดังทั่วไปหรือบอร์ดที่เกี่ยวกับรถก็ได้ แต่ยังไงก็ขอบอกว่าอ่านอย่างมีวิจารณาญาณด้วยอย่าเชื่อหมด
ราคาคร่าวๆของประกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.prakunrod.com/SelectInsuranceType.aspx
ต่อประกันรถยนต์ ราคาตามเวลาใช้จริง
นอกจากนี้ยังมีการต่อประกันรถยนต์ ราคาตามเวลาใช้จริง หรือแบบเติมเงิน มาให้เราเลือกด้วย วิธีการก็คือ เราต้องเลือกระดับของประกันภัยรถยนต์ที่ต้องการ (ชั้น 1 , 2+ , 3+) จากนั้นก็เติมเงิน โหลดแอพ แล้วก็เข้าสู่ระบบ วิธีใช้งานก็คือ หากเราจะขับรถ เราก็เปิดแอพเพื่อเปิดการประกันภัย พอขับถึงที่หมายก็จอดรถ แล้วเปิดประกันภัย เนื่องจากจะคิดเวลาประกันภัยตามเวลาที่ใช้จริงเท่านั้น ส่วนรายละเอียดลองหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ประกันภัยดังกล่าว