การต้องตัดสินใจเลือกระหว่างอะไรก็ตามมักจะต้องพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละอย่างแตกต่างกันไป เพราะทุกอย่างในโลกของเรานั้นต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ไม่มีอะไรที่ดีไปเสียทุกอย่าง และก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดีไปเสียทุกอย่างเช่นกัน ความท้าทายจึงอยู่ที่การเลือกโดยพิจารณาข้อดีและข้อเสีย เพื่อให้เราตัดสินใจเลือกไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเพราะมันไม่มี แต่ควรเลือกสิ่งที่เหมาะกับเรามากที่สุดต่างหากที่สำคัญ
การเลือกทำงานก็เช่นเดียวกัน ระหว่างการทำงานกับบริษัทที่มีขนาดใหญ่ มีพนักงานเป็นจำนวนมาก มีกฎเกณฑ์ข้อกำหนดระเบียบที่ต้องปฏิบัติตาม หรือการทำงานในบริษัทที่มีขนาดเล็ก มีจำนวนของพนักงานไม่มากนัก ระบบในการทำงานไม่ได้อิงกฎเกณฑ์ข้อกำหนดอะไรที่ตายตัวมากนัก เป็นการทำงานแบบครอบครัว จะบอกว่าเลือกทำงานบริษัทใหญ่ดีกว่าบริษัทเล็กก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปาก หรือจะบอกว่าทำงานบริษัทเล็กดีกว่าบริษัทใหญ่ ก็คงจะพูดได้ไม่เป็นปากเช่นเดียวกัน
วิธีก็คือเราคงต้องมาดูกันว่าการทำงานในบริษัททั้งสองแบบนั้น แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง และมาพิจารณาว่าลักษณะนิสัยและสไตล์ในการทำงานของเรานั้นชอบแบบไหนมากกว่ากัน นั่นน่าจะเป็นวิธีที่เลือกงานที่เหมาะกับเราได้มากที่สุด
ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าข้อดีและข้อเสียของการทำงานในบริษัทที่มีขนาดใหญ่หรือเล็กนั้นมีอะไรกันบ้าง
ข้อดีของการทำงานในบริษัทใหญ่
- มีโปรไฟล์ดี ข้อดีข้อแรกของการทำงานในบริษัทที่มีขนาดใหญ่ก็คือประสบการณ์ในการทำงานกับบริษัทที่มีชื่อเสียงจะติดตัวเราไป ถือเป็นโปรโฟล์ที่ดี เมื่อเปลี่ยนงานชื่อเสียงของบริษัทเดิมที่เราทำงานมาจะเป็นการการันตีได้มากกว่าถึงโอกาสที่เราจะได้รับพิจารณาเพราะบริษัทใหม่ย่อมต้องเห็นว่าเราผ่านการทำงานและเข้าใจระบบการทำงานของบริษัทขนาดใหญ่มาแล้ว
- เงินเดือนและสวัสดิการได้มาตรฐาน บริษัทขนาดใหญ่จะมีข้อกำหนดในเรื่องของเงินเดือนเริ่มต้น การขึ้นเงินเดือนและการจ่ายโบนัสที่เป็นมาตรฐาน มีขั้นตอนของการประเมินผลพนักงานที่เป็นที่ยอมรับ นอกจากนั้นบริษัทขนาดใหญ่ยังมีสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อรองรับพนักงานด้วย เช่น สวัสดิการรักษาพยาบาล สวัสดิการค่าเล่าเรียนลูก เป็นต้น
- เรียนรู้ระบบการทำงาน ด้วยความที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ทำให้บริษัทใหญ่ ๆ ต้องมีระบบระเบียบและขั้นตอนในการทำงานที่ไม่เหมือนกับการทำงานในบริษัทเล็ก ถือเป็นประสบการณ์ในการเรียนรู้เรื่องระบบการทำงานแบบกว้าง ๆ ภายในแผนกและระหว่างแผนก
- ได้สังคมรู้จักคนมาก องค์กรขนาดใหญ่มีการว่าจ้างพนักงานมากกว่าองค์กรขนาดเล็ก เมื่อเราได้เข้าไปทำงานในบริษัทใหญ่ทำให้เรามีโอกาสได้รู้จักคนมาก ถือเป็นสังคมที่กว้างกว่าบริษัทเล็ก ๆ
- มีโอกาสก้าวหน้าในตำแหน่ง องค์กรขนาดใหญ่จะมีกำหนดขั้นและตำแหน่งงานไว้ หากเลือกทำงานกับบริษัทใหญ่ก็มีโอกาสที่จะได้รับการโปรโมทขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูง ๆ ขึ้นไปได้ โอกาสในการเปลี่ยนย้ายงานระหว่างแผนกก็สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องลาออกจากบริษัทด้วย
ข้อเสียของการทำงานในบริษัทใหญ่
- ไม่ยืดหยุ่น การทำงานในองค์กรที่มีขนาดใหญ่ ด้วยการที่เราต้องทำทุกอย่างตามขั้นตอน ข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้จึงทำให้มีความยืดหยุ่นได้น้อยกว่าการทำงานในบริษัทขนาดเล็ก
- แข่งขันกันเอง แม้ว่าโอกาสในความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน การได้รับโปรโมทขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูงกว่านั้นจะมีมากกว่าในบริษัทขนาดใหญ่แต่ก็ต้องมีการแข่งขันกันในระหว่างพนักงานกันเอง ซึ่งการแข่งขันที่เกิดขึ้นนี้ทำให้บางครั้งบรรยากาศในการทำงานจึงดูไม่อบอุ่นและเป็นมิตร หากเราไม่พยายามทำงานให้ดูโดดเด่นก็จะถูกกลืนหายไปกับพนักงานที่มีอยู่เป็นจำนวนมากได้
ข้อดีของการทำงานในบริษัทเล็ก
- หากงานง่ายกว่า เพราะบริษัทขนาดเล็กมีจำนวนของบริษัทที่มาก หากเราไม่เลือกงานมากนักก็หางานทำได้ง่ายสบายกว่า
- ได้ทำงานที่หลากหลาย ด้วยความที่เป็นบริษัทเล็ก จำนวนพนักงานไม่ได้มากจึงทำให้เรามีโอกาสในการทำงานที่หลากหลาย ไม่ได้ยึดติดอยู่กับเฉพาะงานในหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น หากใครที่มีแพลนอยากทำธุรกิจเป็นของตัวเอง การเลือกทำงานบริษัทเล็กที่เรามีโอกาสได้ทำงานที่หลากหลายกว่าก็น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
- อบอุ่น จำนวนพนักงานที่ไม่มากนักเมื่อต้องเจอและทำงานกันทุกวันจะทำให้สนิทกันง่ายกว่า ก็คือคุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ มีอะไรก็จะอะลุ่มอล่วยช่วยเหลือกันไป ไม่เหมือนกับสังคมการทำงานที่พนักงานมักแข่งขันกันเองของบริษัทขนาดใหญ่
- มีความยืดหยุ่น การทำงานในบริษัทที่มีขนาดเล็กไม่มีกฎเกณฑ์ข้อกำหนดมากนัก การทำงานจะสบายใจกว่าเพราะสามารถยืดหยุ่นได้ หากเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่เจ้าของลงมาดูแลบริหารเองแบบพนักงานเข้าถึงก็จะยิ่งดี เพราะมีปัญหาอะไรก็เลือกเดินเข้าไปปรึกษากับเจ้าของได้โดยตรง
- โอกาสในการแสดงความสามารถ ถือว่ามีมากกว่าบริษัทใหญ่ เพราะพนักงานจำนวนไม่มาก อีกทั้งเจ้านายก็ไม่ได้มีหลายขั้น การทำงานของเราจึงสามารถเข้าตาเจ้าของธุรกิจได้โดยตรง
ข้อเสียของการทำงานในบริษัทเล็ก
- ความเสี่ยงในการตกงานสูงกว่า เนื่องจากความมั่นคงของบริษัทขนาดเล็กไม่เท่ากับบริษัทขนาดใหญ่ หากเจ้าของธุรกิจดำเนินกิจการผิดพลาดจนถึงขั้นต้องปิดกิจการ เราก็จะอยู่ในภาวะตกงานในทันที
- สวัสดิการน้อย เงินเดือน ไม่แน่ว่าบริษัทใหญ่หรือเล็กมากกว่ากันขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน แต่เรื่องของสวัสดิการส่วนใหญ่บริษัทขนาดเล็กจะมีสวัสดิการให้กับพนักงานไม่เท่ากับบริษัทใหญ่ เช่น หากมีสวัสดิการรักษาพยาบาลจำนวนเงินที่เบิกได้อาจไม่เท่ากับบริษัทใหญ่ และอาจไม่มีสวัสดิการเบิกค่าเล่าเรียนลูก เป็นต้น
การทำงานในบริษัทใหญ่และเล็กต่างก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไปอย่างที่สรุปไว้ข้างต้น เราเองในฐานะคนทำงานคงต้องหันมาดูตัวเราเองด้วยว่าสไตล์การทำงานและลักษณะนิสัยของเรานั้นเหมาะกับการทำงานแบบไหน หากเราชอบทำงานแบบมีความรับผิดชอบจำกัด ไม่อยากรับผิดชอบอะไรที่หลากหลาย ต้องการความเป็นระเบียบแบบแผนและความเป็นมาตรฐาน ก็ควรเลือกทำงานกับบริษัทใหญ่จะดีกว่า แต่ถ้าเราขี้เบื่อ ชอบความท้าทาย มีแพลนที่จะทำธุรกิจเป็นของตัวเองในอนาคต การเลือกทำงานในบริษัทเล็กก็อาจให้ประโยชน์มากกว่า แต่ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือเล็กหากเราได้ทำงานที่เราชอบหรือมีความถนัดก็ย่อมจะทำให้เรามีสุขและสนุกกับงานมากกว่า เป็นข้อสำคัญที่เราไม่ควรลืมนอกเหนือจากเลือกทำงานในบริษัทใหญ่หรือเล็ก