ความสุขของมนุษย์เงินเดือน ไหนเลยจะหนีพ้น การได้รับโบนัสก้อนโตจากการทำงาน การตอบแทนความคุ้มค่าของงาน ทำให้หายเหนื่อยจากความเครียดและล้าจากงานที่ทำตลอดทั้งปีได้อย่างยิ่ง แต่หากจะปล่อยเอาไว้ก็คงไม่พ้นใช่หมดภายในสามเดือนแน่ ๆ หรือจะเอาไปนอนฝากไว้ที่ธนาคารกินดอกเบี้ย ก็เล็กน้อยเกินไป สู้เอามาลงทุนเพิ่มผลกำไรให้ชีวิตจะดีกว่า แต่จะลงทุนอย่างไรให้ได้ผลตอบแทนสูงที่สุดมาดูกัน
อ่านเพิ่มเติม : พนักงานบริษัทควรรู้ เกี่ยวกับเงินโบนัส
มีผู้เชี่ยวชาญเคยเปรียบเทียบไว้อย่างชัดเจน ในลักษณะของการลงทุน หากเราต้องการกินเงินปันผลหรือ ดอกเบี้ยต่อเดือนอยู่ที่ 50,000 บาทนั้น เราจำเป็นต้องมีเงินก้อนโตในการลงทุน
- ซึ่งหากลงทุนในลักษณะเป็นการฝากเงินตามธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี ต้องฝากเงินในบัญชีถึง 20 ล้านบาท
- แต่หากลงทุนในหุ้นกู้ที่มอบผลตอบแทน 4% ต่อปีลงทุนน้อยกว่า เพียง 15 ล้านบาท
- อย่างไรก็ดีหากลงทุนในหุ้นที่มอบผลตอบแทน 6% ต่อปีก็จ่ายเพียง 10 ล้านบาทก็ได้ผลตอบแทนเท่ากัน
- เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าแต่มอบผลตอบแทนเท่ากัน ยังมีอีก นั่นก็คือ การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน 7.5% ต่อปี ด้วยเงินจำนวน 8 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าผลตอบแทนเท่ากันนั้น ก็มีตัวเลือกในการลงทุนแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า การลงทุนในกลุ่มของความเสี่ยงต่ำอย่างการฝากเงินธนาคารจะใช้เงินก้อนใหญ่กว่าเพื่อน ในการให้ผลตอบแทนที่เท่ากันต่างจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ในขณะที่ลงทุนต่ำ แต่ต้องทำความเข้าใจด้วยว่ามันเป็นการลงทุนที่อยู่ในขอบเขตของความเสี่ยงสูง เราต้องยอมรับความเสี่ยงได้ดีในระดับหนึ่ง จึงจะสามารถเริ่มลงทุนได้ แต่พอย้อนกลับมาดู โบนัสของใครจะออกทีเป็นสิบล้านบ้าง คงยากใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น ในความเป็นไปได้ที่เงินโบนัสจะนำไปลงทุนและสร้างผลตอบแทนมูลค่าสูง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้โบนัสไม่ถึงแสนก็สามารถรวยด้วยการลงทุนได้เหมือนกันเพียงแค่คุณต้องรู้จักเทคนิค ทางลัดและวิธีการที่ถูกต้อง มาพร้อมกับวินัยในการใช้จ่าย แน่นอนหากเรายอมรับกับความเสี่ยงในการลงทุนได้ ความเสี่ยงสูงก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงเช่นกัน แต่ไม่ต้องกังวลไป หากคุณมีข้อมูล ความรู้มากขึ้นก็เพียงพอแล้ว เมื่อเรารู้มาก เราจะเข้าใจและรู้ทันความเสี่ยง เรายังสามารถกำจัดความเสี่ยงได้อีกด้วย
เห็นได้ชัดในคนที่มีความรู้เรื่องหุ้นมากย่อมหลบหลีกความเสี่ยงและตัดสินใจในการลงทุนได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากขึ้นและจะรู้จักการวางแผนที่รัดกุมในการลงทุน โดยมีเพียงคุณเท่านั้นที่จะแนะนำและตัดสินใจการลงทุนของตัวเองได้ เพราะแต่ละคนมีความเสี่ยงต่างกัน มีวิถีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน ซึ่งการลงทุนจะสัมพันธ์กันกับรายได้ / ค่าใช้จ่ายและอายุของคุณ โดยพิจารณานำเงินโบนัสที่รับความเสี่ยงได้ไปลงทุน ไล่ตั้งแต่ระดับการลงทุนใน ตราสารหนี้ กองทุนรวมและหุ้นตามลำดับเพื่อค่อย ๆ เพิ่มพูน และเป็นการเริ่มต้นทีละขั้นอย่างปลอดภัย ค่อย ๆ เรียนรู้ความเสี่ยงตั้งแต่ระดับต่ำไปจนถึงสูง เมื่อเพิ่มความเสี่ยงได้มากขึ้น ก็อาจจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงยิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือผลตอบแทนที่จะได้รับมีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานธุรกิจและเศรษฐกิจในประเทศอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ในเรื่องของระยะเวลาในการลงทุนก็สำคัญ ไม่แพ้กับเงินลงทุน หากเรามีเงินแสนจะเห็นผลเท่าเงินล้านก็คงไม่ใช่ แต่การเพิ่มขยายระยะเวลาในการลงทุนจะช่วยเพิ่มแสงสว่างทำให้มองเห็นเป้าหมายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้อีกด้วย ขอให้ลงทุนระยะยาวเพื่อให้เงินไม่จมไปกับการลงทุนเหมือนการลงทุนระยะสั้น คราวนี้คุณก็ค่อย ๆ ทยอยลงทุนเพิ่มไปเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต โดยระหว่างทางหากท้อ ขอให้ข้อคิดว่าการลงทุนมันสามารถเติบโตได้และการเติบโตนี้เองที่ช่วยทำให้เราไม่ต้องหาเงินก้อนใหญ่มาลงทุน ใช้เพียงแค่เงินโบนัสก้อนนี้ก็เพียงพอแล้ว แต่โปรดจำไว้ว่าการเริ่มต้นมันจะยากมากขึ้น หากคุณลงทุนระยะสั้นเพราะคุณจะต้องพบเจอกับความผันผวนของเศรษฐกิจที่กระทบต่อธุรกิจในวงกว้าง จนบางปีมีกำไรบางปีเจอสภาวะขาดทุน หากคุณลงทุนระยะสั้นเพียงแค่ 4-5 ปีแล้วขายทิ้ง หรือถอนทุนคืน เชื่อได้เลยว่าคุณจะไม่สามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีได้หรอก แต่หากคุณลงทุนด้วยโบนัสในระยะยาวด้วย แล้วเพิ่มความตั้งใจ หมั่นรอไปเรื่อย ๆ มันย่อมเติบโตได้ตามกิจการที่ขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ
หากปีนี้คุณได้รับโบนัส 60,000 บาท คุณก็นำเงินนี้มาลงทุนตามความเสี่ยงของตัวเองทั้งหมด หรือครึ่งหนึ่ง คือ 50% ของเงินโบนัส โดยเลือกถือหุ้นที่มอบผลตอบแทน 6 % ต่อปี มันจะช่วยทำให้คุณมีเงินใช้ต่อเดือนเพิ่มขึ้นปีละ 6% ของทุกปี นอกจากนี้ยังสามารถนำไปออมหุ้นต่อเนื่องได้เป็นเวลา 20 ปีอีกด้วย ให้ประโยชน์แบบกินน้อย ๆ แต่กินยาว ๆ และค่อย ๆ เพิ่มเงินลงทุนจะได้เปลี่ยนเป็นกินมาก ๆ และกินยาว ๆ แทน