คนบางคนวาสนาดี มีกินมีใช้โดยไม่ต้องทำการงาน บางคนวาสนาไม่ดี ต่อให้ขยันแค่ไหน ก็ไม่มีเงินกับเขาเสียที เรื่องบุญวาสนานี้พูดยาก ถ้ามัวแต่รอบุญวาสนา อาจถึงกับต้องอดตายไปข้างหนึ่งก็ได้ ความเชื่อความศรัทธาไม่ว่าเรื่องใดๆ ขอให้ตั้งอยู่ในความพอดี เชื่อในสิ่งที่ไม่ทำให้คนอื่นและตัวเองเดือดร้อน แต่คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการพึ่งตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องเงิน หลายคนชอบเชื่อในเรื่องโชควาสนา และชอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า วันหนึ่งเราจะโชคดีแน่ๆ จึงได้แต่รอ ไม่ยอมทำงาน ไม่ยอมออมเงินอย่างจริงจัง คือ หวังฟลุ๊ค ว่างั้นเถอะ
หลายคนอยากรวยแต่ไม่ยอมทำงาน เก็บเงิน เพราะว่า มันยากและต้องใช้เวลา ใช้ความมานะ ใช้ความอดทน และที่สำคัญที่สุด ต้องใช้ความใจแข็ง มีวินัยในการใช้ชีวิตถึงจะมั่งมีขึ้นมาได้ แม้จะรู้ว่าต้องอดต้องออม แต่หลายคนก็ยังไม่สามารถทำได้อยู่ดี อาจเพราะใจไม่แข็งพอ วันนี้จึงมีเทคนิคการเก็บเงิน 3 แบบ 3 สไตล์มาฝาก
แบบแรก เรียกว่า การเก็บเงินแบบลบสิบ
วิธีการคือ พอเงินเดือนออก หรือทำงานได้เงินก้อนเป็นกำไรมา ให้หักเงินออกมาเลย 10% นำเงินที่หักออกมานี้ไปฝากธนาคาร ผลที่ได้คือ เราจะสามารถออมเงินได้ 10% ของเงินเดือนทุกเดือน ตัวอย่างเช่น เมื่อบริษัทจ่ายเงินเดือนให้ 10000 บาท เราก็เอาเงิน 1000บาท ไปฝากธนาคารไว้ ที่เหลืออีก 9000 บาท ก็นำมาใช้จ่าย ในกรณีที่บริษัทจ่ายเงินเดือนแบบโอนเงินเข้าบัญชี แล้วเรากลัวว่าไม่มีวินัยพอ ก็อาจทำเรื่องถึงธนาคารว่า ให้หักเงินออกมา 10% ของเงินเดือน นำไปฝากบัญชีฝากประจำให้ด้วย ก็เป็นวิธีบังคับการเก็บเงินที่น่าสนใจ แต่ต้องจำไว้ว่า เงินส่วนนี้จะต้องไม่นำออกมาใช้ ไม่ว่าจะฉุกเฉินหรือเป็นงบท่องเที่ยว ก็ห้ามถอนจากบัญชีนี้เด็ดขาด เพราะเงินก้อนนี้จะเก็บไว้ใช้ตอนที่เราไม่ได้ทำงาน หรือทำงานไม่ไหวแล้ว มันจึงถูกเบิกไปใช้ด้วยเหตุผลอื่นไม่ได้
แบบที่สอง เรียกว่า การเก็บเงินแบบเพิ่มสิบ
วิธีการคือ ทุกครั้งที่ใช้จ่ายเงินออกไป ต้องนำเงิน 10% ของเงินก้อนที่ใช้ไปนั้น ไปฝากธนาคาร เช่น วันนี้จ่ายค่าเช่าห้องไป 2000 บาท พรุ่งนี้ต้องนำเงินไปฝากธนาคาร 200 บาท วันนี้จ่ายค่าไฟ 1000 บาท พรุ่งนี้ก็ต้องเอาเงินไปฝากธนาคาร 100 บาท ทำแบบนี้ทุกครั้งที่จ่ายเงินออกไป วิธีนี้จะเป็นการปรามการใช้จ่ายของตัวเองไปในตัว ถ้าใช้เยอะก็ต้องหาเงินไปฝากเยอะด้วย ถ้าไม่อยากหาเงินมาฝาก ก็ต้องใช้ให้น้อยลง เมื่อใช้น้อยลง เงินก็จะอยู่กับเรามากขึ้น ถือเป็นอุบายการเก็บเงินที่ยอดเยี่ยม
แบบที่สาม เรียกว่า กำหนดเป็นกฎข้อบังคับ
วิธีการคือ ให้กำหนดไปเลยว่าจะต้องเก็บเงินทุกวัน วันละ 100 บาท 50 บาท หรือแล้วแต่ความสามารถของเราที่จะเก็บเงินทุกวันโดยไม่เดือดร้อน ถ้าไม่มีจริงๆ ขอให้เก็บวันละ 10 บาทก็ยังดี ขอให้เริ่มเก็บจนเป็นนิสัย จำนวนเท่าไหร่ไม่ว่ากัน เมื่อทำจนชินแล้ว อนาคตจะเพิ่มจำนวนเงินให้มากขึ้นก็ได้
วิธีเก็บเงินทั้ง 3 แบบ 3 สไตล์นี้ มีข้อกำหนดที่เหมือนกันว่า ต้องเก็บเงินนี้ไว้ในบัญชีแยกต่างหากจากบัญชีที่ใช้จ่ายทั่วไป และจะไม่นำเงินในบัญชีนี้ออกมาใช้เด็ดขาดไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม และข้อสำคัญอีกข้อหนึ่งคือ ต้องทำให้สม่ำเสมอ อย่าทำแบบขาดๆหายๆ ส่วนจะเลือกทำแบบไหนสไตล์ก็เอาที่ตัวเองสบายใจ และเลือกเอาที่ถูกกับนิสัยของตัวเอง หากทำได้ดังนี้ เมื่อเวลาผ่านไป สิบปี ยี่สิบปี ไปจนถึงวันที่เราเกษียณ จะพบว่าเงินก้อนนี้ช่างมากมายจนเราคาดไม่ถึง เพราะนอกจากเงินส่วนของเราจริงๆแล้ว ยังมีส่วนของดอกเบี้ยที่ได้จากธนาคารอีกด้วย การเก็บเงินที่ว่ามานี้ ไม่ได้ยากจนเกินไป สิ่งที่ยากคือความสม่ำเสมอ และการที่จะต้องไม่ถอนเงินส่วนที่เก็บนี้มาใช้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ หากใครทำได้ครบถ้วน ทำนายได้เลยว่า ภายใน 20 ปี เขาจะต้องมีเงินเก็บมากมายและจะต้องร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐีได้แน่นอน