สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวหนังสือที่เห็นชื่อก็น่าอ่านแล้ว นั่นคือ “ชีวิตมั่งคั่งด้วยกระเป๋าสตางค์ใบเดียว” ซึ่งที่เห็นสะดุดตาก็เพราะมีโฆษณาทางเฟสบุ๊คด้วย ความอยากรู้ก็เลยต้องไปหาอ่านค่ะ แต่ไหนๆก็เสียเงินซื้อแล้ว เก็บสิ่งดีๆไว้คนเดียวก็ใช่ที่เลยขอเอามาเล่าให้เพื่อนๆทุกคนได้รู้อีกต่อหนึ่งดีกว่าค่ะ
มีอะไรในชีวิตมั่งคั่งด้วยกระเป๋าสตางค์ใบเดียว บ้าง?
สำหรับหนังสือเล่มนี้คนเขียนเป็นชาวญี่ปุ่นชื่อคุณคาเมะดะ จุนอิริโรค่ะ ของสำนักพิมพ์ welearn โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้กระเป๋าสตางค์เพื่อเปลี่ยนแนวคิดและพฤติกรรมการใช้จ่ายและการเก็บเงิน ซึ่งเราอาจมองผ่านไป กระเป๋าสตางค์ก็คือกระเป๋าที่เอาไว้เก็บเงินและนามบัตรอะไรพวกนี้เท่านั้นเอง แต่คุณคาเมะดะ คนเขียนเขาบอกไว้ว่า การเลือกซื้อกระเป๋าสตางค์นั้น จะมีผลเชิงจิตวิทยาโดยตรงในการใช้เงินของเรา (จริงหรือนี่ แอบถามตัวเองในใจตอนแรก)โดยผู้เขียนเล่าว่าเขาประสบกับความยากลำบากในชีวิต เนื่องจากพ่อของเขาล้มละลาย ทำให้ที่ผ่านมาเขาต้องติดหนี้ เจอเจ้าหนี้ทวงหนี้ตลอด อีกทั้งยังต้องทำงานออฟฟิศในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนก็ไปเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ
วันหนึ่งๆ เขาพักผ่อนแค่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงชีวิตเขาที่แย่มาก อีกทั้งอาหารที่เขากินก็เป็นอาหารจากร้านสะดวกซื้อที่ส่วนมาก จะยกอาหารกล่องที่หมดอายุแล้วให้พนักงานไปกิน(ยังกินได้หากเป็นวันนั้น)เขาก็เลยไม่ต้องเสียเงินค่าอาหาร แถมยังเอาอาหารกล่องมาอุ่นกินได้อีกในวันต่อๆมา แต่สุดท้ายด้วยการดำเนินชีวิตแบบนั้น เขาก็ล้มป่วยและอุจจาระออกมาเป็นสีเขียว เขาจึงฉุกคิดได้ว่า ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตเขาได้แล้ว เพราะถ้าไม่เปลี่ยน มันจะยิ่งเลวร้ายกว่านี้แน่นอน
และแล้ววันหนึ่ง ภรรยาของเขาก็ได้ซื้อกระเป๋าสตางค์ของหลุยส์ วิตตอง หนังไทก้ามาให้เป็นของขวัญ เขาถามภรรยาว่าทำไมถึงเลือกอันนี้ ภรรยาเขาตอบว่า คนที่หาเงินเก่งเขาใช้กระเป๋าแบบนี้กัน คุณคาเมะดะกลับมาขบคิดและลองตั้งข้อสังเกต ด้วยอาชีพของเขาที่เป็นผู้สอบบัญชีภาษีอากร ทำให้ในแต่ละวัน ต้องเจอคนที่มีฐานะการเงินดี และเป็นพวกเศรษฐีจำนวนมาก หากเขาพอรู้จักคนๆนั้นอยู่แล้ว ก็จะขอดูกระเป๋าสตางค์ ส่วนคนที่เขาไม่ได้รู้จักกันดี ก็จะแค่สังเกตเวลาเศรษฐีคนนั้นควักเงินออกมาจ่ายค่าอาหาร ซึ่งจากการสังเกตกระเป๋าสตางค์ของเศรษฐีมากกว่า 500 ใบ ทำให้เขาพบทฤษฏีอะไรบางอย่าง นั่นคือ รายได้ต่อปีของคนนั้น จะเท่ากับราคากระเป๋าสตางค์ x 200 ซึ่งความจริงมันก็ไม่ได้ตรงกันทุกครั้งแต่ส่วนมากจะตรง
นอกจากเรื่องราคาของกระเป๋าสตางค์แล้ว เขายังสังเกตการใช้เงินของบรรดาเศรษฐีต่างๆจำนวนมาก และนำแนวคิดนั้นมาปรับปรุงการดำเนินชีวิตของตนเอง จนทำให้เขาสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตของเขาได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดว่า ถ้าคนส่วนใหญ่ที่ลำบากทางด้านการเงินเหมือนเขาได้ รู้เทคนิคเหล่านี้ พวกเขาเหล่านั้นอาจจะเปลี่ยนสถานภาพทางการเงินและชีวิตของคนๆนั้นให้ดีขึ้นก็ได้ เราลองมาดูเทคนิคที่ว่ากัน
เศรษฐีส่วนมากใช้กระเป๋าสตางค์สวย มีราคา แต่ไม่ใช่เฉพาะกระเป๋าสตางค์เท่านั้น เขามักจะพิถีพิถันกับการเลือกสินค้าอื่นๆด้วย เช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เข็มขัด แว่นตา ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจชอบของถูกแล้วซื้อเยอะๆแต่ เศรษฐีจะซื้อของดีไปเลย เพื่อใช้ได้นานๆดูดีและไม่ต้องซื้อบ่อยๆ หันกลับมาที่เรื่องกระเป๋าสตางค์ หากคุณคาเมดะ จำเป็นต้องเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์ใบใหม่จริงๆ เขามักจะเลือกกระเป๋าสตางค์ใบเดิม ยี่ห้อเดิม และทรงเดิมที่เคยซื้อ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราต้องใช้ไปในระยะเวลายาวพอสมควร ดังนั้นการเลือกกระเป๋าสตางค์จึงต้องเลือกที่ความคุ้ม แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นของถูกนะคะ
ในเรื่องของรูปร่างกระเป๋าสตางค์ก็เกี่ยวเช่นกัน เพราะมันคือจิตวิทยาอย่างหนึ่ง นั่นคือ หากคุณซื้อกระเป๋าสตางค์สวยและราคาแพง คุณจะพยายามหาเงินมาใส่ในกระเป๋าสตางค์ให้สมควรกับค่ากระเป๋าสตางค์ใบนั้น ส่วนทรงของกระเป๋าที่ดีที่สุดก็คือ ทรงยาว เนื่องจาก สามารถใส่ธนบัตรในด้านยาวได้โดยไม่มีรอยยับ ทั้งนี้เขาพบว่าคนมีเงินมักจะจัดเรียงธนบัตรในกระเป๋าสตางค์อยู่เสมอๆ นอกจากนี้ในทุกๆวันหนึ่งของอาทิตย์นั้นๆให้จัดการโละพวกขยะ บัตรสะสมแต้ม หรือเศษเหรียญออกจากกระเป๋าด้วย ซึ่งเราเรียกกันว่า “one clearing day” ซึ่งคุณคาเมะดะบอกไว้ว่า การเก็บบัตรสะสมแต้มในกระเป๋าไว้เยอะๆ จะทำให้เงินรั่วไหล เพราะคุณจะพยายามซื้อในสิ่งที่คุณไม่อยากได้มัน แต่ซื้อเพราะมันลดราคาจึงทำให้ใช้จ่ายแบบไม่ได้ตรึกตรองไว้ก่อน หวังเพียงสะสมแต้มให้ได้ของหรือการลดราคาเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม : กระเป๋าสตางค์แบบไหนใช้แล้วรวยรับปีใหม่ 2560
นอกจากนี้ทุกครั้งที่ซื้อกระเป๋าสตางค์ใบใหม่มา คุณควรให้กระเป๋าสตางค์ได้ผ่านการใช้งานมาก่อน โดยการที่เราจะปรับความรู้สึกที่มีต่อกระเป๋าสตางค์และให้การหมุนเวียนของเงินดีขึ้น โดยการถอนเงินออกมาจากธนาคารจำนวนเยอะมากๆ แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ใหม่ เป็นเวลา 2-3 วัน เพื่อให้กระเป๋าสตางค์ได้ปรับตัวสามารถรองรับเงินเยอะๆที่หมุนเวียนเข้าออกค่ะ นอกจากนี้ยังทำให้กระเป๋าใหม่ของคุณลิ้มรสของเงินจำนวนมาก ซึ่งพบว่ากระเป๋าเงินที่ผ่านการใช้งานโดยการใส่เงินเป็นจำนวนมากมา ก็คล้ายๆกับ กระเป๋าใบนั้นสามารถดึงดูดหรือเรียกเงินในจำนวนนั้นๆเข้ากระเป๋าคุณได้ และอีกหนึ่งเคล็ดลับคือธนบัตรที่มีอยู่ในกระเป๋าสตางค์ ควรจะเป็นแบงค์ใหม่ถ้าทำได้ สำหรับเหรียญให้แยกไปอีกกระเป๋า เพื่อไม่ให้กระเป๋าอ้วน หรือทางที่ดีนำไปเหรียญไปเก็บใส่กระปุกออมสินก็จะดี
สำคัญที่สุดอีกเรื่องหนึ่งก็คือ คุณคาเมดะ บอกไว้ว่าควรคิดและปฏิบัติกับเงิน ราวกับเงินคือมนุษย์คนหนึ่ง และเป็นเพื่อนของเรา เงินจะไม่เข้าหาคนที่ดูถูกเงิน เงินจะไม่ไปหาคนที่คิดว่าเงินคือรากฐานแห่งความโชคร้าย เงินจะมีการหมุนเวียนตลอดเวลา คุณคาเมะดะจะย้ำเสมอในเล่ม คือ เขาจะบอกว่าเงินนั้นมีความเป็นคน มากกว่าตัวคนเองเสียอีก เมื่อมีการออกไปแล้วก็จะกลับเข้ามา ดังนั้นเขาจึงแนะนำว่าคุณควรจะพูดในใจกับเงินว่า “ไปดีนะ” ในตอนที่ใช้เงิน” และตอนได้เงินมา ให้พูดว่า “กลับมาแล้วเหรอ” โดยสรุปบอกเลยหนังสือเล่มนี้คุ้มค่าสมกับราคา 150 บาทมาก ถ้ายังไม่จุใจลองไปซื้ออ่านดูนะคะ