วันก่อนนอนไม่หลับก็เลยเข้าไปอ่านอะไรเล่น ๆ ใน pantip เว็บบอร์ดกระทู้ยอดฮิตของคนไทย แล้วก็ไปเจอเข้ากับกระทู้หนึ่ง https://pantip.com/topic/36421229 มีคนเข้ามาตั้งคำถามให้ช่วยเลือกวิธีผ่อนบ้านหน่อย เธอเล่าว่าวางแผนจะกู้เงินซื้อบ้านวงเงินประมาณ 1 ล้านบาท ตั้งใจอยากผ่อนสัก 10 ปี ระหว่างเลือกผ่อนเดือนละ 10,000 บาท แล้วค่อยโปะเพิ่ม 5,000 บาท กับผ่อนกับธนาคารไปเลยเดือนละ 15,000 บาท แบบไหนดีกว่ากัน
เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นหนี้บ้านก็อยากจะจ่ายคืนหนี้ให้หมดเร็ว ๆ กันทั้งนั้น จึงเป็นที่มาของความกังวลในตอนที่จะต้องเลือกค่างวดที่ผ่อนแต่ละเดือน ใจก็อยากเลือกผ่อนมากหน่อย จะได้ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเยอะ หนี้จะได้หมดเร็ว แต่ก็กลัวว่าถึงเวลาจะผ่อนไหวหรือเปล่า เพราะหนี้บ้านหนี้ระยะยาวเป็นสิบปีขึ้นไป ในช่วงนั้นชีวิตจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ครั้นจะเลือกผ่อนค่างวดน้อยหน่อย เอาให้สบายตัว ก็อดกังวลไม่ได้อีก ว่าต้องผ่อนอีกนานกว่าจะหมด ถ้าแต่ละเดือนมีเงินเหลือก็อาจเอาไปใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็น เงินก็หมดอยู่ดี
อ่านเพิ่มเติม : กระทู้อุทาหรณ์โปะค่าบ้านผ่านธนาคาร
เลือกยากเหมือนกันนะคะ อย่างที่ว่าหนี้บ้านเป็นหนี้ระยะยาวที่จะผูกพันตัวเราไปอีกนาน การตัดสินใจว่าจะผ่อนกี่ปี จะจ่ายค่างวดเดือนละเท่าไหร่ จึงมีความสำคัญมาก ก่อนที่เราจะคิดไปถึงว่าเราจะผ่อนน้อยหน่อยค่อยโปะทีหลัง หรือจะผ่อนมากหน่อยไปเลย เราควรจะต้องคิดถึงจำนวนเงินที่สูงที่สุดที่เราควรจะผ่อนบ้านกันก่อน คือเราไม่ควรผ่อนบ้านเกินกว่านี้แล้วเพราะอาจกระทบกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ ในกรณีที่ไม่มีหนี้อย่างอื่นที่ต้องผ่อนเลย สัดส่วนหนี้บ้านที่ต้องผ่อนรายเดือนไม่ควรเกินกว่า 40% หรือเอาให้เต็มที่ก็ไม่ควรเกิน 50% ของรายได้ นี่เป็นตัวเลขเดียวกับที่ธนาคารใช้พิจารณาเรื่องภาระหนี้เพื่ออนุมัติเงินกู้ให้กับเรา ดังนั้นคนที่จะผ่อนบ้านเดือนละ 10,000 บาท ก็หมายถึงคุณต้องมีรายได้อย่างน้อยเดือนละ 20,000 บาท ส่วนคนที่จะผ่อนบ้านเดือนละ 15,000 บาท ก็ควรมีรายได้อย่างน้อย 30,000 บาท
หนี้บ้านเป็นเงินกู้ที่มีข้อดีคือคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ค่างวดที่จ่ายคืนทุกเดือนส่วนหนึ่งจะเป็นดอกเบี้ยซึ่งคิดจากยอดเงินต้นคงเหลือที่ค้างมาจากงวดก่อน ส่วนที่เหลือก็จะไปตัดจากเงินต้น เมื่อถึงเดือนหน้าจ่ายค่างวดเท่าเดิม ดอกเบี้ยจะลดลงเพราะคิดจากเงินต้นคงค้างที่ลดลง ส่วนที่เหลือก็ไปตัดเงินต้นอีก เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ดังนั้นค่างวด 10,000 บาทในงวดแรกจะเป็นส่วนที่จ่ายดอกเบี้ยมากกว่าตัดเงินต้นน้อยกว่า แต่เมื่อเวลาผ่านไปเงินค่างวด 10,000 บาทจะค่อย ๆ ไปตัดเงินต้นเพิ่มขึ้น จ่ายดอกเบี้ยน้อยลง จนหนี้หมดในที่สุด
หนี้บ้านยังมีข้อดีอีกอย่างคือยอมให้มีการโปะเงินคืนก่อนได้ (ยกเว้นบางธนาคารที่มีเงื่อนไขห้ามโปะช่วงแรก หรือถ้าโปะจะไม่ได้โปรโมชั่น) เช่น กรณีที่ผ่อนตามสัญญาเดือนละ 10,000 บาท แต่ถ้าเดือนไหนมีเงินเหลือหรือทำงานได้รายได้เพิ่ม จะเอาเงินมาโปะหนี้บ้านก็สามารถทำได้ โดยเงินส่วนนี้ก็จะไปลดเงินต้น ถ้ามีเงินโปะบ่อย ๆ หนี้ก็จะหมดเร็ว อย่างกรณีผ่อน 1 ล้านบาท 10 ปีแบบนี้ ถ้าโปะ 5,000 บาทเพิ่มทุกเดือน จากหนี้ 10 ปี ก็จะเหลือแค่ประมาณ 7 ปีเท่านั้น หรือถึงแม้ไม่ได้โปะทุกเดือน โปะเฉพาะบางเดือนที่มีเงินเหลือ หนี้ก็จะหมดเร็วกว่า 10 ปีอยู่ดี
เกริ่นมายาว เอาเป็นว่าถ้าเลือกผ่อนเดือนละ 15,000 บาท กับผ่อนเดือนละ 10,000 บาทแล้วโปะเพิ่มเดือนละ 5,000 บาท ผลที่ได้ในเรื่องของตัวเลขไม่ต่างกันมากนัก หนี้ที่มีระยะเวลา 10 ปีก็จะเหลือแค่ 7 ปีเท่านั้น ดอกเบี้ยรวมที่ต้องจ่ายก็จะลดลงไปกว่า 30% สมมติคิดดอกเบี้ยแบบคงที่เฉลี่ยที่ 7% ต่อปีตลอดอายุสัญญา จะประหยัดดอกเบี้ยจากที่ต้องจ่ายทั้งหมดเกือบสี่แสนบาท เหลือแค่ประมาณไม่ถึงสามแสนบาทเท่านั้น
แต่ส่วนที่แตกต่างกันก็คือเรื่องของความไม่แน่นอนมากกว่า การเลือกผ่อนน้อยหน่อยเดือนละ 10,000 บาทจะทำให้เราคล่องตัวมากกว่า ถ้าเดือนไหนเกิดเหตุฉุกเฉินต้องใช้เงินขึ้นมา ก็นำเงินส่วนที่จะมาโปะบ้านไปใช้จ่ายก่อนได้ เดือนหน้าค่อยโปะใหม่ แต่ถ้าเลือกผ่อนเดือนละ 15,000 บาท ก็หมายถึงต้องจ่ายเดือนละ 15,000 บาท ถ้าเดือนไหนต้องใช้เงินมีเงินไม่พอจะผ่อน ก็จะเป็นปัญหาขึ้นมาได้ ต้องวิ่งหยิบยืมกันหน้าตั้งถ้าไม่มีเงินพอจ่ายหลายเดือนติด ๆ กัน 3 เดือนขึ้นไป ก็กลายเป็นหนี้เสียแบงก์ตามทวง เสียประวัติเครดิตบูโร มีผลกับการกู้ยืมในอนาคตอีก
แต่หลายคนก็เลือกวิธียอมอดทนผ่อนมากหน่อย โดยจะลำบากช่วง 2-3 ปีแรก แต่พอทำงานไปเรื่อย ๆ ได้ปรับเงินเดือนขึ้น ค่าผ่อนบ้านรายเดือนที่เคยต้องจ่ายก็จะไม่เป็นภาระใหญ่สำหรับเราอีกต่อไป ถ้าไม่มีภาระอื่น ๆ มากนัก ใช้วิธีนี้ก็ดีเหมือนกัน บางคนบอกว่าเลือกผ่อนน้อย ๆ เงินเหลือก็เอาไปใช้อะไรไร้สาระหมดเกลี้ยงอยู่ดี จำกัดการใช้จ่ายของตัวเองด้วยการเอาไปผ่อนบ้านเยอะ ๆ ก็ดีเหมือนกัน อย่างที่ว่าพอเวลาผ่านไปทำงานมีรายได้มากขึ้น ทุกอย่างก็จะลงตัวขึ้นเอง สำหรับคนที่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยท้อแท้กับภาระหนี้บ้านที่ยังต้องจ่ายอีกนานหลายปี ก็อยากให้คิดแบบนี้เหมือนกันค่ะ
ดังนั้น คนที่จะตอบคำถามได้ชัดเจนที่สุดก็คือตัวคุณเอง ว่าผ่อน 10,000 บาท ค่อยโปะ 5,000 บาท กับผ่อนเดือนละ 15,000 บาทไปเลย แบบไหนดีกว่ากัน โดยต้องหันกลับไปมองที่รายได้ของเรา ที่สำคัญต้องดูภาระอื่น ๆ ที่เราต้องรับผิดชอบ ถ้ามีเรื่องที่ต้องดูแลมากก็ผ่อนน้อยหน่อยให้มีความคล่องตัวดีกว่า แต่ถ้าชีวิตสบาย ๆ อยู่แล้ว ไม่มีภาระอะไร การเลือกผ่อนมากหน่อย แบบไม่กระทบค่าใช้จ่าย ก็เหมือนเป็นการบังคับตัวเอง หนี้ก็จะหมดเร็วขึ้นค่ะ