เมื่อผ่อนรถยนต์มาสักพักหนึ่งแล้วเกิดต้องการปิดให้จบ หรือขอยื่นระยะเวลาผ่อนชำระเพื่อให้เสียค่างวดต่อเดือนน้อยลง ทางออกของเจ้าของรถยนต์จึงหันมพึ่งพาบริการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ซึ่งหลายท่านยังไม่ทราบว่า “รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด” ก็มาใช้บริการนี้ได้ ในประเทศไทยมีทั้งบริการจากธนาคาร และสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อประเภทลิสซิ่งให้กู้เพื่อรีไฟแนนซ์ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากในขณะนี้ แต่หากคุณยังไม่รู้ว่าจะรีไฟแนนซ์รถยนต์ไปทำไม ต้องมาดู 7 ข้อนี้เพื่อการตัดสินใจก่อนครับ
1 รีไฟแนนซ์รถยนต์คืออะไร?
รีไฟแนนซ์รถยนต์ คือการขอรับบริการสินเชื่อโดยใช้บางท่านเข้าใจว่ามันคือการ “ย้ายไฟแนนซ์” สมมติว่าคุณกู้ซื้อรถยนต์ในราคา 700,000 บาท โดยใช้บริการผ่อนกับธนาคารแรกผ่านไปแล้ว 500,000 บาท และต้องการปิดวงเงินอีก 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยที่เหลือ เพื่อให้การจ่ายค่างวดต่อเดือนลดลง ในส่วนนี้มักทำได้ด้วยการขอสินเชื่อวงเงินใหม่ โดยการขอรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดนี้ ไม่ต้องจอดรถยนต์ไว้ที่แบงก์ มีทั้งรูปแบบที่ต้องต้องโอนหรือไม่ต้องโอนทะเบียนเล่ม ขึ้นอยู่กับสัญญาที่ทำกับบริษัทสินเชื่อนั้น ๆ
2 รีไฟแนนซ์รถควรทำเมื่อไหร่?
ส่วนใหญ่แล้วรถยนต์ที่จะนำมาเข้ารีไฟแนนซ์ ต้องผ่านระยะเวลาการผ่อนชำระมาแล้วครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ดอกเบี้ยของรถยนต์คันนี้ ค่อย ๆ ลดลงก่อน ดอกเบี้ยนี้มาจากที่เราผ่อนรถยนต์มาแล้วเป็นเวลายาว ๆ เมื่อเหลืออีกก้อนสั้น ๆ ก็จะจ่ายทั้งดอกเบี้ยละเงินต้นลดลงในสถาบันการเงินที่ใหม่ได้
3 รถแบบไหนรีไฟแนนซ์ได้บ้าง
ไม่ใช่ว่ารถยนต์ทุกคันที่จะเข้ารับบริการรีไฟแนนซ์ได้ ทางสถาบันการเงินก็มีข้อระบุเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ว่าต้องเป็นรถยนต์ที่ใช้ในครัวเรือน และไม่เก่ามากเกินไป (ไม่ควรเกิน 15-20 ปี ) ส่วนรถหรูประกอบส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยรับ เพราะสถาบันการเงินทุกแห่งอาจเขียนในสัญญาเพิ่มเติมได้ว่าไม่รับรถหรู หรือรถประกอบ เพราะขาดผู้ที่จะประเมินตีราคากลาง ป้องกันการย้อมแมวเอารถมาเข้าจำนำทะเบียนแล้วก็หายไปไม่ส่งยอดค่างวด สรุปคร่าว ๆ สำหรับรถที่ใช้รีไฟแนนซ์ได้แก่
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (รถเก๋ง ซึ่งรวมรถ SUV, CRV ทั้งหมด)
- รถยนต์ประเภทรถกระบะ (รถปิคอัพ)
- รถตู้
- รถบรรทุกบางรายการ
4 เช็คราคากลางรถยนต์ได้ที่ไหน
และตามบริษัทรับรีไฟแนนซ์ต่าง ๆ จะมีข้อกำหนดว่าวงเงินที่ได้นั้นจะได้ประมาณ 80 – 90% เท่านั้น แม้ว่าบางแห่งจะให้เต็ม 100% ของราคาประเมิน ซึ่งราคาประเมินนี้สามารถเข้าไปดูได้ตามเว็บไซต์จำหน่ายรถมือสองต่าง ๆ โดยเลือกไปที่ปีออกรถ และ รุ่นรถที่ใกล้เคียงกับรถของคุณ เช่น เว็บไซต์ขายดีขายรถ (www.kaidee.com) , ตลาดรถ (www.taladrod.com) , วันทูคาร์ (www.one2car.com) และ คาร์มานา (www.carmana.com)
5 รีไฟแนนซ์รถยนต์ในประเทศไทยที่ไหนได้บ้าง?
หากคุณผ่อนรถอยู่กับธนาคารเดิม แล้วต้องการขอสินเชื่อตัวใหม่เพื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์ บางธนาคารทำได้ (ลองติดต่อกับแบงก์เดิมดูก่อน ซึ่งอาจจะขยายเวลาจากการผ่อน 48 เดือน เป็น 84 เดือน แต่หากเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยแล้วไม่คุ้ม ก็เปลี่ยนแบงก์ก็ได้) รีไฟแนนซ์รถยนต์กับธนาคารเดิมได้ไหม? สรุปว่า ทำได้กับบางเจ้า แต่ปัจจุบันนี้ก็มีหลายธนาคารที่เปิดรับรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด ได้แก่
- กสิกรไทย
- กรุงศรี
- เงินติดล้อ
- ธนชาต
- เกียรตินาคิน
- ทิสโก้
6 เอกสารรีไฟแนนซ์รถยนต์มีอะไรบ้าง?
โดยปกติแล้วหากเป็นพนักงานออฟฟิศ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจจะเตรียมเอกสารไม่ยาก ใช้แค่สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือนก็ผ่านง่าย ส่วนใครที่ทำอาชีพอิสระ สามารถใช้หนังสือรับรองการเสียภาษีส่วนบุคคล อย่างใบทวิ 50 หรือพวกสัญญาจ้างต่าง ๆ ได้
1) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ
2) สำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของรถ
3) สำเนาทะเบียนเล่มรถยนต์
4) สลิปเงินเดือนเดือนล่าสุด (หากไม่มีให้ใช้หนังสือรับรองเงินเดือน พร้อมกับสำเนาเดินบัญชีรับเงินเดือน 3 – 6 เดือน)
7 ข้อยกเว้น เมื่อต้องการ “รีไฟแนนซ์รถยนต์” มีอะไรบ้าง?
ในรายละเอียดตั้งแต่ข้อ 1 – 6 นี้หากคุณคิดว่าตัวเองเข้าเงื่อนไขมีสิทธิ์ผ่านอนุมัติแล้ว มาดูข้อยกเว้นอีกเล็กน้อย ที่ผู้ขอยื่นรีไฟแนนซ์จะต้องรู้ เนื่องจากการรีไฟแนนซ์รถยนต์เป็นสินเชื่อรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยกู้รถยนต์ และลดค่างวดที่ต้องจ่าย แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องอายุรถยนต์ และอายุของเจ้าของรถอยู่เช่นกัน ดังนี้
7.1) ตัวเจ้าของรถ กับคนกู้รีไฟแนนซ์ต้องเป็นชื่อเดียวกัน
7.2) รถยนต์ไม่ต้องจอด
7.3) ยื่นขออนุมัติได้จากหลายที่ หากปฏิเสธวงเงิน ก็ควรไม่เสียค่าธรรมเนียม
7.4) อายุผู้กู้บวกกับอายุสัญญาสินเชื่อ ต้องไม่เกินตามที่ไฟแนนซ์ระบุ
7.5) บางแห่งระบุว่าทะเบียนเล่มต้องอยู่ในพื้นที่ให้บริการเท่านั้น
หากคุณคิดจะรีไฟแนนซ์รถยนต์ สามารถยื่นเอกสารขอไปพร้อม ๆ กันหลายที่ได้ (แนะนำไม่เกิน 3 แห่ง) เพื่อเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่จะได้รับ เดี๋ยวนี้การขอกู้สินเชื่อหากปฏิเสธรับวงเงินรีไฟแนนซ์รถยนต์ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งนั้น พร้อมด้วยโปรโมชั่นพิเศษได้รับประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลของตัวเจ้าของรถ หรือ ต่อประกันรถยนต์ฟรี ซึ่งคุณควรศึกษาเอาไว้ไม่ให้เสียสิทธิ์