ผ่อนรถไม่ไหว เลือกรีไฟแนนซ์รถ แบบไหนดี ?
รถยนต์ ถือเป็นยานพาหนะที่ค่อนข้างจำเป็นในยุคนี้ หลายคนที่อาจจะไม่ได้มีเงินก้อน แต่มีความจำเป็นต้องใช้งาน จึงเลือกที่จะกู้ซื้อรถ และผ่อนชำระ แต่ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวน ภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนรถ ก็อาจจะทำให้หลายคนขาดสภาพคล่องได้เช่นกัน
การ รีไฟแนนซ์ รถยนต์ ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วย ที่จะช่วยลดภาระหนี้ที่ต้องชำระในแต่ละเดือนให้กับเราได้ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำว่า รีไฟแนนซ์รถ แบบไหนดีสุด ให้กับทุกคนกัน จะได้นำไปเป็นแนวทางในการวางแผนการเงินพร้อมกับการผ่อนรถของเราต่อไปได้โดยไม่ลำบากจนเกินไป
รีไฟแนนซ์รถ คืออะไร ?
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ คือ การทำการย้ายสัญญาสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จากสัญญาเดิมไปเป็นสัญญาเงินกู้ประเภทใหม่ โดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่อนสัญญาเดิมให้ครบก่อน และสามารถใช้รถยนต์คันเดิมเป็นหลักประกัน เปรียบเสมือนการกู้เงินก้อนใหม่มาปิดหนี้ก้อนเดิม การรีไฟแนนซ์รถยนต์เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดภาระการเงินของผู้กำลังผ่อนรถอยู่ให้เบาบางลง โดยที่ยังมีรถใช้อยู่ โดยผู้กู้ควรเลือกเงื่อนไขสัญญาใหม่ที่ดีกว่าสัญญาเดิมที่เคยกู้
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์รถยนต์
1.ยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลง
เป็นข้อดีที่สำคัญของการรีไฟแนนซ์ที่ช่วยลดภาระการเงินได้ดี โดยสัญญาสินเชื่อฉบับใหม่มักจะลดยอดการผ่อนชำระต่อเดือนให้น้อยลง และขยายเวลาการผ่อนชำระออกไป ทำให้ลูกหนี้ที่มีปัญหาเรื่องการชำระหนี้มีทางเลือกอื่น นอกเหนือจากการตัดสินใจหยุดการผ่อนชำระและปล่อยให้รถโดนยึด
2.ได้รับเงินก้อนหลังจากหักลบหนี้จากสัญญาเดิม
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ทำให้ได้เงินก้อนมาใช้จ่ายซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักสำคัญของลูกหนี้ โดยสินเชื่ออเนกประสงค์สามารถนำไปใช้จ่ายได้ตามที่ลูกหนี้ต้องการ เช่น นำไปปิดหนี้ก้อนอื่น ๆ ที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า ใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน หรือใช้เพื่อการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น
3.ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเดิม
การรีไฟแนนซ์เป็นการเปลี่ยนสัญญากู้ยืมใหม่ โดยสามารถรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินใหม่หรือสถาบันการเงินเดิมก็ได้ โดยผู้กูควรเลือกอัตราดอกเบี้ยในการผ่อนชำระที่ลดลงกว่าสัญญาเดิม โดยผู้กู้ได้ผ่อนชำระตามสัญญาเดิมเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว และเป็นผู้มีประวัติการผ่อนชำระดี
การรีไฟแนนซ์ ผู้กู้ควรทำการศึกษาเงื่อนไขที่แตกต่างกันในแต่ละสถาบันการเงิน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการปิดสัญญาเดิมเพื่อทำสัญญาใหม่ เพื่อให้การรีไฟแนนซ์เป็นการบริหารจัดการเงินให้เกิดประโยชน์แก่ตัวผู้กู้มากที่สุด
4.เป็นสร้างประวัติในการผ่อนชำระที่ดี
หากมีการชำระหนี้ตรงเวลา จะทำให้ลูกค้ามีเครดิตในการขอกู้อย่างอื่นกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้งานขึ้น
5.รีไฟแนนซ์ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้กู้
สำหรับการรีไฟแนนซ์เปลี่ยนสัญญากู้ยืมใหม่ เราสามารถเลือกยอดผ่อนต่อเดือนให้ลดลงได้ ซึ่งจะช่วยลดภาระความตึงเครียดด้านค่าใช้จ่ายเยอะเลยทีเดียว
6.รถยนต์ยังอยู่กับเรา ในขณะที่เรารีไฟแนนซ์
การรีไฟแนนซ์จะเป็นการกู้เงินสัญญาใหม่ เพื่อนำมาใช้หนี้สัญญาเก่า นอกจากนี้อาจจะทำให้เราเหลือเงินส่วนต่าง เพื่อนำไปใช้อย่างอื่น รถยนต์ก็ยังอยู่กับเราอีกด้วย
รีไฟแนนซ์รถ แบบไหนดีสุด
โดยทั่วไปสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์มีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
1.ดอกเบี้ยแบบเงินต้นคงที่ (Flat Rate)
โดยดอกเบี้ยแบบเงินต้นคงที่ตลอดอายุสัญญา จะคิดอัตราดอกเบี้ยครั้งเดียวจากเงินต้นทั้งก้อนตั้งแต่วันที่ทำสัญญา และมีการผ่อนเงินต้นลดลงเรื่อย ๆ โดยไม่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยใหม่เหมือนดอกเบี้ยลดต้นลดดอก ซึ่งดอกเบี้ยรูปแบบนี้มักใช้กับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์แบบโอนเล่มทะเบียน ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยต่อปีจากเงินต้นก่อน หลังจากนั้นค่อยคิดดอกเบี้ยที่ต้องชำระในแต่ละงวด
ตัวอย่าง ยื่นขอสินเชื่อรถแลกเงิน 300,000 บาท ระยะเวลาผ่อน 5 ปี โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราคงที่ 4% ต่อปี
ธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด ด้วยการนำเงินต้น x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x ระยะเวลา (ปี) = 300,000 x 4% x 5 ปี = 60,000 บาท
โดยคิดจำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละงวด (เงินต้น + ดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมด) / จำนวนงวดที่ต้องผ่อนชำระทั้งหมด = (300,000+12,000)/60 = ผ่อนชำระงวดละ 5,200 บาท
สินเชื่อดอกเบี้ยแบบเงินต้นคงที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการจ่ายค่างวดในจำนวนที่ตายตัวตลอดอายุสัญญา ผ่อนเท่ากันทุกเดือนเป็นเวลานานได้ เหมาะกับคนที่ต้องการใช้เงินก้อนไปหมุนเป็นเวลานานได้
2.ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)
เป็นดอกเบี้ยที่ถูกคำนวณจากเงินต้นที่เหลือจริงในแต่ละงวด คือ เมื่อมีการชำระเงินต้นเข้ามาทุกงวด จะถูกนำไปคำนวณใหม่ โดยตัดจำนวนเงินต้นออก และคิดดอกเบี้ยใหม่ ทำให้ดอกเบี้ยในงวดถัด ๆ ไปลดลงไปด้วย เป็นดอกเบี้ยในรูปแบบของสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์แบบไม่โอนเล่มทะเบียน
ตัวอย่าง นำรถไปแลกเงินโดยทำการกู้ยืมเงินมา 300,000 บาท ดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือน ถ้างวดที่ 1 เราจ่ายค่างวด 10,000 บาท ทำให้เงินต้นเหลือแค่ 290,000 บาท โดยงวดต่อไป งวดที่ 2 ดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือนเท่าเดิม โดยคิดจากเงินต้น 290,000 บาท ทำให้ดอกเบี้ยและเงินต้นถูกลงไปตาม ๆ กัน
สินเชื่อดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เหมาะสำหรับลูกหนี้ที่ต้องการจ่ายหนี้ให้หมดเร็วขึ้น เพราะสามารถโปะเงินก้อนได้ โดยจ่ายเงินค่างวดมากกว่าค่างวดที่ธนาคารกำหนด
เทคนิค และข้อควรรู้เมื่อรีไฟแนนซ์รถ
1.ผู้กู้ควรคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของตนเองเป็นหลัก ไม่ควรชำระหนี้เกินกำลัง
2.หากจะทำการรีไฟแนนซ์ควรรอให้ครบ 3 ปีก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกค่าปรับ 3% ของวงเงินกู้
3.ผู้กู้ควรหาข้อมูลรีไฟแนนซ์จากหลายสถาบันการเงิน เพื่อทำการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไข ก่อนที่จะเลือกสถาบันที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับผู้กู้
ถ้าถามว่ารีไฟแนนซ์รถ แบบไหนดีสุด เราแนะนำว่าให้เลือกรีไฟแนนซ์ในแบบที่เหมาะกับเราจะดีที่สุด แนะนำให้พิจารณาเลือกประเภทรีไฟแนนซ์ และสถาบันการเงินที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสัญญาเดิม และสามารถช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้เราได้จริงในระยะยาว ไม่ต้องสร้างหนี้ซ้ำซ้อนมาเพื่อโปะหนี้จากการรีไฟแนนซ์อีก ก็จะช่วยให้เราสามารถผ่อนรถได้อย่างสบายใจ มีเงินเหลือไปทำอย่างอื่นที่ต้องการได้อีก