รับจ่ายค่าไฟ และบิลอื่น ๆ คืออะไร ทำไมมีคนสนใจเยอะ
สำหรับใครที่เป็นนักท่องโซเชียลตัวยง ก็น่าจะเห็นเทรนด์หนึ่งที่กำลังมาแรงอย่างการ รับจ่ายค่าไฟ และบิลอื่น ๆ กันอยู่บ้าง โดยจุดที่หลายคนสงสัยก็คือ คือธุรกิจอะไรกันแน่ อีกทั้งยอดที่รับจ่ายมากกว่าเงินที่จะได้รับเสียอีก แล้วการทำแบบนี้เราจะได้อะไร ช่วยวางแผนการเงินยังไง ในวันนี้เราได้สรุปทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องมาให้แล้ว
สรุปประเด็น รับจ่ายค่าไฟ และบิลอื่น ๆ คืออะไร
จากการโพสต์ในกลุ่มสินเชื่อบน Facebook เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตกเป็นประเด็นร้อนในสังคม หลายคนเกิดความสงสัยว่าการรับจ่ายค่าไฟ และบิลอื่น ๆ คืออะไร ทำแล้วได้อะไร หากให้สรุปสั้น ๆ ก็คือการขอสินเชื่อเงินสดแบบทางลัดนั่นเอง โดยผู้ที่รับจ่ายจะจ่ายด้วยเครดิตตน อย่างเช่น บัตรเครดิต, Shopee SPayLater หรือ อื่น ๆ แล้วจะได้รับเงินสดจากทางผู้ประกาศหาในจำนวนน้อยกว่ายอดบิล (หรือตามที่ตกลงกัน) เพื่อไปใช้จ่ายก่อน แล้วผ่อนบิลนั้นทีหลัง
ยกตัวอย่าง:
นาย A ประกาศหาคนรับจ่ายค่าไฟยอดบิล 3,000 บาท โดยจะโอนเงินสดให้ที่ 2,700 บาท ส่วนใหญ่ผู้ที่จะรับจ่ายให้คือผู้ที่มีเครดิต แต่ขาดเงินสด และต้องการเงินสดไปเสริมสภาพคล่อง ณ ตอนนั้น จึงจะใช้บัตรเครดิต หรือ Shopee SPayLater ในการจ่ายบิลนั้นให้ก่อน แล้วรับเงินสดมาใช้ในยอดที่ขาดทุน มองอีกมุมก็คล้ายกับการจ่ายดอกเบี้ยในการขอสินเชื่อเงินด่วน ในอัตราประมาณ 10 – 20% (แล้วแต่ตกลง) ซึ่งเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการใช้เครดิตแลกเงินสดมาใช้นั่นเอง
ทำไมถึงมีการรับจ่ายบิลให้คนอื่น
สาเหตุที่หลายคนเลือกใช้วิธีนี้ก็มาจากได้เงินสดเร็ว ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องยื่นขอ รออนุมัติเหมือนสินเชื่อจากธนาคาร ส่วนทางฝั่งผู้ประกาศหาก็ได้จ่ายบิลค่าใช้จ่ายในยอดที่น้อยกว่าเดิม ราวกับได้ส่วนลด หากมองเผิน ๆ ก็พูดได้ว่า วิน-วิน ทั้งสองฝ่ายเลยก็ว่าได้
แต่ข้อเสียหลักก็คือมีมิจฉาชีพจำนวนมากที่มาหลอกให้จ่ายบิลให้ก่อนแล้วไม่ได้โอนเงินสดให้นั่นเอง แม้ว่าจะเป็นคนที่มีเครดิตให้ตรวจสอบแล้วก็ตาม เรียกได้ว่าเป็นความเสี่ยงที่น่ากลัวไม่น้อย อีกเรื่องก็คือการแบกรับดอกเบี้ยของการจ่ายไปก่อน หากอ้างอิงจาก Shopee SPayLater จะสูงสุดที่ 25% เลยทีเดียว
ประเด็นนี้ก็ทำให้เห็นว่าคนไทยมีความคิดนอกกรอบในการหาเงินสดเพื่อมาหมุนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นว่ามีคนไทยจำนวนไม่น้อยเลย ที่ขาดสภาพคล่องมากถึงขั้นที่ยอมจ่ายเครดิตเยอะ ยอมแบกดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้ได้เงินสดจำนวนน้อยกว่ามาเสริมสภาพคล่องในปัจจุบัน
บทความในครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาสนับสนุนในการดึงเงินสดจากเครดิตในรูปแบบนี้ แต่เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นภาพรวมว่าคืออะไร ทำแล้วได้อะไร มีความเสี่ยงอะไรบ้าง หากว่าต้องการเงินด่วนจริง ๆ การยื่นขอกู้สินเชื่อจากธนาคาร หรือสถาบันทางการเงินย่อมเป็นทางเลือกที่ควรทำมากที่สุด แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะค่อนข้างสูง แต่มีความน่าเชื่อถือแบบเต็มร้อย อีกทั้งหากประสบปัญหาการผ่อน ก็ยังสามารถขอความช่วยเหลืออื่น ๆ ได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็แนะนำให้ยื่นขอกู้แต่พอดี ในยอดที่คิดว่าสามารถผ่อนชำระไหว เพื่อไม่ให้โดนดอกเบี้ยที่มากจนเกินไป และลำบากในอนาคตไปอีกหลายปีนั่นเอง