หากจะพูดถึงการออมเงินสำหรับเด็กเล็กหลายๆท่านอาจจะปลูกฝังเรื่องการรักการออมให้กับลูกหลานตั้งแต่ยังเล็กๆได้ แต่หากเป็นเด็กโตที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นล่ะ จะต้องสอนวิธีการออมเงินอย่างไร หรือแม้แต่เด็กวัยรุ่นมัธยมเองก็คงอยากจะฝึกนิสัยการออมอยู่ไม่น้อยแต่ก็อาจจะทำได้ลำบากสักหน่อย เพราะปัจจุบันเด็กวัยรุ่นมีสิ่งดึงดูดใจมากมายที่ทำให้เกิดความอยากได้ อยากใช้ อยากมี นับเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญของวัยรุ่นกันเลยทีเดียว
เมื่อเราลองพิจารณาการใช้จ่ายของวัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบันแล้ว ก็อาจจะเข้าใจปัญหานี้มากขึ้น เพราะวัยรุ่นนั้นนอกจากจะต้องใช้จ่ายในโรงเรียน ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆตามมาอีก ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า นาฬิกา โทรศัพท์ เทคโนโลยีต่างๆที่มักจะมีความนิยมใหม่ๆเกิดขึ้นรอบๆตัวนั่นเอง
และแน่นอนว่า เด็กวัยนี้ มักจะถูกดึงดูดด้วยค่านิยมได้ง่ายๆ หลายท่านคงจะเคยชินแล้วกับการเห็นเด็กมัธยมใช้โทรศัพท์มือถือราคาแพงๆ นั่นก็มักจะเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองซื้อให้เพราะคิดว่าจำเป็น
แต่ความจริงแล้ว คำว่า “จำเป็น” ในการใช้โทรศัพท์มือถือของวัยรุ่น ก็ไม่ต้องราคาสูงหลายหมื่นบาท เพียงsmartphone ราคาไม่กี่พันก็มีความสามารถไม่แพ้กันแล้ว แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันคือค่านิยมที่วัยรุ่นหลายคนทำตามๆกัน หรือที่เราเรียกติดปากว่าแฟชั่น นอกจากจะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแล้วก็ยังมีค่าใข้จ่ายอื่นๆ ที่ใครเป็นวัยรุ่นอยู่ ก็หนีไม่พ้นสิ่งเหล่านี้แน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับของนักร้องเกาหลี หรือชมรม Cosplay การ์ตูนญี่ปุ่นที่เด็กวัยรุ่นไทยในปัจจุบันนิยมกันอย่างแพร่หลายไปทั่วประเทศ ถ้าจะพูดถึงค่าใช้จ่ายต้องกระซิบบอกเลยว่า ชุดๆนึงที่เด็กๆใช้คอสนั้นราคาเริ่มต้นเป็นหลักพันกันเลยทีเดียว หรือแม้แต่จะซื้อเกมส์จากสตรีมมาเล่นแก้เซ็ง และไหนจะต้องใช้จ่ายในวันเสาร์ อาทิตย์เพราะเรียนพิเศษอีกต่างหาก ทั้งหมดนี้ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่วัยรุ่นไทยจับจ่ายใช้สอยกันเป็นส่วนใหญ่ในปัจจุบัน
เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องยาก ที่เด็กวัยรุ่นไทยในปัจจุบันจะรู้จักการออมเพื่อใช้ในอนาคต หากท่านเป็นผู้ปกครอง ท่านลองคิดเล่นๆดูสิว่า จะทำอย่างไรให้เด็กๆเหล่านี้ มีวินัยในการออม หรือรู้จักออมเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉินและไม่ใช้เงินเกินตัว เพราะไม่ว่าฐานะทางบ้านของเด็กวัยรุ่นเหล่านี้จะดีมากแค่ไหน แต่ก็อย่าลืมว่าเด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่สามารถหาเงินใช้ได้ด้วยตัวเองได้
เพราะฉะนั้นทำอย่างไรจึงจะทำให้เด็กวัยรุ่นรู้จักคุณค่าของเงิน และรู้จักการออมเงินให้มากขึ้น
เทคนิคการ ออมเงินสำหรับวัยรุ่น นั้น ไม่ได้มีเคล็บลับอะไรมากมาย อยู่ที่ว่าท่านจะเลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสม อันดับแรกก็คือ “ค่าขนม” ของเด็กๆที่ได้จากผู้ปกครองบางบ้านอาจจะให้ค่าขนมเป็นรายวัน บางบ้านก็ให้เป็นรายสัปดาห์บางบ้านก็ให้เป็นรายเดือน
แต่เด็กๆเหล่านี้โตเป็นวัยรุ่นแล้ว ควรรู้จักบริหารเงินด้วยตนเองได้แล้วเริ่มจากควรจะได้ค่าขนมเป็นรายสัปดาห์ขึ้นไป หรือหากเด็กๆบริหารเงินเริ่มเก่งขึ้นมาหน่อยก็ให้ค่าขนมเป็นรายเดือน เพื่อดูว่าเมื่อถึงสิ้นเดือนเด็กๆจะยังเหลือเงินในกระเป๋าหรือไม่ หรือมันจะหมดไปตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ให้ไปแล้ว
เทคนิคการฝึกให้เด็กๆรู้จักบริหารเงินเป็นนั้น อยู่ที่ผู้ปกครอง เพราะถ้าหากท่านให้ค่าขนมบุตรหลานท่านเป็นรายเดือน แต่เมื่อบุตรหลานท่านมาขอเงินเพิ่มโดยไม่ใช่เรื่อองที่จำเป็นจริงๆตั้งแต่กลางเดือน เพราะเงินหมดแล้วท่านก็ให้ไปนั้น เป็นสิ่งที่ผิดมากๆ เพราะถ้าท่านทำเช่นนั้น เด็กๆก็จะคิดว่าไม่ว่าจะได้ค่าขนมรายเดือนเท่าไหร่ หากหมดกลางคันก็ยังขอเพิ่มได้เรื่อยๆ แบบนี้เด็กๆก็จะไม่รู้จักบริหารเงินของตนเองเสียที
เพราะฉะนั้นจึงสรุปได้ว่าการที่เด็กจะเริ่มรู้จักบริหารเงินเด้วยตนเองได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองทั้งหลายนั่นเอง
เมื่อเด็กๆใช้เงินค่าขนมหมดไปตั้งแต่กลางเดือน และมาขอค่าขนมเพิ่ม หากท่านผู้ปกครองทั้งหลายใจแข็งไม่ให้เสียอย่าง คราวนี้เดือนถัดไปเด็กๆก็จะเริ่มเข้าใจแล้วว่า เค้าต้องบริหารการใช้เงินให้เพียงพอในแต่ละเดือนนั่นเอง
และเมื่อเด็กๆรู้จักบริหารเงินให้เพียงพอในแต่ละเดือนแล้วนั้น ก็เริ่มลองหัดให้เด็กๆออมดูบ้าง แรกๆ อาจจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะเด็กๆส่วนใหญ่คงจะให้เท่าไหร่หมดเท่านั้นใช่หรือไม่ แต่ถ้าหากท่านลองยื่นข้อเสนอหรือแรงจูงใจให้เด็กๆออมดูสิ เด็กๆจะกระตือรือร้นที่จะออมขึ้นมาทันที
ตัวอย่างเช่น หากบุตรหลานของท่าน อยากจะไปดูคอนเสริตนักร้องเกาหลีที่กำลังจะมาแสดงคอนเสริตในเมืองไทยในอีกสามเดือนข้างหน้า แล้วบุตรหลานของท่านอยากจะไปดู ในที่นั่งราคา 5,000 แน่นอนว่า เด็กๆต้องมาขอท่านเป็นค่าใช้จ่ายส่วนเกินจากค่าขนมแน่นอน แต่ถ้าหากท่านยื่นข้อเสนอที่ว่า หากเงินค่าขนมที่ให้ในแต่ละเดือนเหลือเท่าไหร่ ก็จะให้เอาไปเก็บไว้ในบัญชีเงินฝาก และจะเพิ่มจำนวนเงินฝากที่เก็บออมได้ให้อีกเท่าตัว เมื่อข้อเสนอเป็นแบบนี้ ท่านมั่นใจได้เลยว่า บุตรหลานของท่านต้องนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารกลางวันที่โรงเรียนแน่นอนเพื่อให้เงินค่าขนมนั้นเหลือฝากและจะได้เงินฝากเพิ่มเป็นสองเท่า
นี่คือการเริ่มสร้างแรงบันดาลใจในการออมให้บุตรหลานของท่าน ถึงแม้จะเป็นแค่การออมเพื่อซื้อสิ่งของหรือเพื่อใช้จ่าย แต่ก็เป็นการเริ่มต้นในการออมที่ดี เพื่อหัดให้บุตรหลานของท่านรู้จักการตั้งเป้าหมายในการออมเงิน เค้าจะได้รู้ว่า เงินก้อนนี้ที่ออมไป เอาไว้ใช้ทำอะไร เป็นการสร้างเป้าหมายในการออมเงินนั่นเอง
และเมื่อเค้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องรับผิดชอบก็มีมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ที่ทำฝึกให้เค้าเสียตั้งแต่เนิ่นๆ จะเป็นตัวช่วยให้เค้าสามารถจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหลายได้อยู่หมัดนั่นเอง