ประเด็นหลักในการ เก็บเงินไม่อยู่ สักทีนั่นก็คือ การใช้เงินแบบผิด ๆนั่นเอง ซึ่งให้คุณก้าวไปไม่ถึงความรวย รู้หรือไม่ว่าเหล่านี้แหละคือตัวปัญหา เชื่อว่าหลายคนอยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีเงินทองมากมาย และคงหนีไม่พ้นความมั่งคั่งและความสุขสบาย แต่ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหน ได้เงินมาจำนวนมากเท่าไร แต่ก็ดูเหมือนเส้นทางสู่ความรวยก็ยังคงอีกไกลอยู่ดี
ถ้าหากคุณอยากเปลี่ยนชีวิตของตัวเองให้เห็นคุณค่าของเงิน เก็บเงินได้มากมาย และเกิดจากสาเหตุอะไรที่ทำให้ เก็บเงินไม่อยู่ สักที วันนี้มีคำตอบมาฝากค่ะ
1. การขาดแรงกระตุ้นในการออมเงิน
หลายคนปล่อยให้เงินในบัญชีเหลือเพียงแค่หลักพัน หลักร้อย หรือน้อยกว่านั้น นั่นเป็นเพราะคุณยังไม่มีแรงกระตุ้นที่จะทำให้รู้สึกอยากเก็บเงินมากเท่าที่ควร ลองมาตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
อาจจะเริ่มต้นจากเป้าหมายสั้น ๆ โดยการ แข่งกันเก็บเงินกับเพื่อน ว่าภายใน 3 เดือน ใครจะมีเงินเก็บที่มากกว่ากัน และหลังจากนั้นคุณสามารถเก็บเงินหรือพัฒนาและมีเป้าหมายอย่างไรบ้างในการเก็บเงินในเดือนถัดๆไป คราวนี้คุณจะเก็บเงินกันจริงจังมากขึ้นอย่างคาดไม่ถึงเลยล่ะ
แต่ถ้าหากใครที่ไม่อยากถึงขนาดต้องแข่งขันเก็บเงินกับเพื่อนขนาดนั้น สิ่งที่ทำได้คือ เอาชนะใจตัวเองให้ได้ โดยการข่มใจตัวเองไม่ให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินตัว เป็นต้น – หากของเก่ายังใช้ได้ จริงๆแล้วเราไม่มีความจำเป็นเลยที่จะซื้อของใหม่อีก หากมองข้ามของเก่าที่มีราคาค่อนข้างสูงที่ยังใช้งานได้ดีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ หรือเสื้อผ้าบางชุด ชุดเฟอร์นิเจอร์ ของประดับตกแต่งบ้าน แล้วควักกระเป๋าซื้อของใหม่อยู่บ่อย ๆ เพียงเพราะอยากอัพเดทตามเทรนด์ นั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณหมดเงินจำนวนมากไปอย่างไม่รู้ตัว
เช่น ซื้อรถก็มักจะมาพร้อมดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายแฝงอย่างค่าซ่อม ค่าน้ำมัน เป็นต้น เมื่อนำมาคำนวณเป็นเงินก้อนแล้ว ก็เป็นยอดเงินไม่ใช่น้อยเลยนะคะ ดังนั้นอะไรที่ยังใช้งานได้อยู่ก็ทนใช้ไปก่อน แล้วเก็บเงินก้อนมาลงทุนต่อยอดจะดีกว่า
2. ตามติดเทคโนโลยีมากเกินไป
ควรคำนึงถึงความจำเป็นและประโยชน์ใช้สอยมากกว่า การฮิตตามกระแส ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังเสียเงินโดยไม่จำเป็นอีกต่างหาก เช่น อุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นความไฮเทคที่มีราคาสูง แต่เมื่อซื้อมาใช้แล้วราคาก็จะร่วงลงอย่างรวดเร็วจนตกใจ ดังนั้นหากคุณเป็นคออยากจะมีอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ครอบครองแทบทุกรุ่น ควรหักห้ามใจซื้อเฉพาะรุ่นที่คุ้มค่าดีกว่าค่ะ รับรองจะเหลือเงินเก็บมากขึ้นอีกเยอะ
3. ซื้อของแบรนด์เนมมากเกินไป
ของแบรนด์เนมที่การันตีคุณภาพ เพราะสิ่งของเหล่านี้มีราคาสูง และเป็นตัวการทำให้เงินของคุณไปจมอยู่เป็นจำนวนมาก ลองเปลี่ยนมาเป็นหาซื้อของใช้แบบเดียวกันที่ไม่ใช่แบรนด์ดังมาเปรียบเทียบ หากพอใช้งานแทนกันได้ก็ซื้อมาใช้แทนดีกว่า เพราะเงินส่วนต่างของราคานำมาเป็นเงินเก็บได้เป็นกอบเป็นกำเลยล่ะ
4. ซื้อหนังสือเยอะเกินไปมั๊ย
สำหรับข้อนี้ผู้เขียนก็เป็นค่ะ เพราะด้วยความที่ชอบอ่านหนังสือ แต่หลังๆคือจะคิดก่อนซื้อทุกครั้ง ซึ่งก็ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย เราต้องดูตัวเองด้วยว่าซื้อหนังสือมาแล้วเราอ่านจริงไหม ถ้าไม่ก็ไม่จำเป็นมากที่จะซื้อมาเก็บไว้ หากเราพอมีเวลาที่จะอ่านจริงๆ เราค่อยไปซื้อทีหลังก็ได้ค่ะ ซึ่งการซื้อหนังสือบ่อยเกินไป การชอบอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ดี แต่การ–ซื้อหนังสือบ่อยเกินไปอาจรวมกันได้เงินค่าหนังสือก้อนใหญ่พอสมควร ดังนั้นเพื่อความประหยัด หนังสือบางเล่มที่เหมาะกับการอ่านครั้งเดียว ลองเปลี่ยนมาเป็นหุ้นกับเพื่อนซื้อแล้วแลกกันอ่านหรือเช่าอ่าน หรือหาอ่านฟรี ๆ ในเว็บไซต์น่าจะประหยัดเงินได้มากกว่า ส่วนเล่มไหนที่ชอบมาก ๆ อยากซื้อเก็บก็ไม่ว่ากันจ้า
5. ใจไม่กล้าพอที่จะกล้าลงทุนให้เงินงอกเงย
เพราะกังวลว่าจะต้องสูญเสียเงินเก็บไป แต่ความจริงแล้วการแบ่งเงินบางส่วนไปลงทุนเพื่อได้กำไรที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะเพิ่มจำนวนเงินของคุณได้เร็วขึ้น หรือสามารถหาเงินกลับมาสูการออมได้อย่างคุ้มค่าขึ้น
6. การซื้อน้ำเปล่ากินทุกวัน
หลายคนชอบซื้อน้ำเปล่าและน้ำแร่แบบขวดมาดื่มเป็นประจำ แต่เคยลองคำนวณเล่น ๆ กันไหมคะว่าค่าน้ำขวดในแต่ละวันเป็นจำนวนเงินเท่าไร ลองเปลี่ยนมาดื่มน้ำกรองในตู้เย็นที่บ้าน หรือพกขวดน้ำส่วนตัวเวลาออกไปข้างนอกแทนดีกว่า จะช่วยให้คุณเหลือเงินหยอดกระปุกเพื่อเป็นการออมเงินในแต่ละวันได้ดี
เห็นแบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมซะใหม่ จะได้มีเงินเหลือเก็บและก้าวสู่เส้นทางรวยได้เร็วขึ้น จะดีแค่ไหนถ้าลองจินตนาการอนาคตข้างหน้าที่เราแก่ตัวไป ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่มีเงินใช้ ซึ่งอารมณ์ตอนนั้นก็คงแย่มาก
ดังนั้นการลดพฤติกรรมต่างที่กล่าวมาข้างต้นได้ เชื่อว่าจะช่วยให้หลายท่านประหยัดค่าใช้จ่ายได้ ถึงจะไม่มากแต่ก็ช่วยได้บ้างก็ยังค่ะ