หลายคนต้องยอมรับว่าการเงินซึ่งเมื่อก่อนเคยสะพัดอยากซื้ออะไรก็ได้ อยากกินอาหารดี ๆ ก็สามารถทำได้ แต่ตอนนี้ไม่สามารถทำได้เหมือนเดิมอีกแล้ว อยากกินอะไรก็ต้องคิดแล้วคิดอีก เนื่องจากเกิดปัญหาเงินขาดมือ ซึ่งอาจจะเป็นมากถึงกับต้องหยิบยืมเงินกันเลยทีเดียว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเริ่มมีปัญหาการเงินแล้ว วันนี้เรามีวิธีตรวจสอบการเงินของเราด้วย 7 สัญญาณเตือน การเงินมีปัญหา มาฝากกันค่ะ
1. สัญญาณการเงินแรก เงินสดไม่พอซื้ออาหาร
หลายคนเป็นหนักมากถึงกับไม่มีเงินซื้อข้าวกินครบสามมื้อต้องอาศัยอดมื้อกินมื้อหรือต้องมองหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซึ่งมีราคาถูกกว่าอาหารตามสั่งกิน ก็ไม่ว่ากันนะคะ สภาวะขาดเงินขนาดนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าเราอาจใช้จ่ายเงินที่เกินตัวไป เราต้องวางแผนการเงินที่รัดกุมมากกว่านี้ เพื่อไม่ให้ตัวเองถึงกับต้องอดขนาดนี้ค่ะ เพราะฉะนั้นหากคุณเริ่มรู้สึกว่าอดแล้วนะ อย่างนี้ต้องพิจารณาการใช้จ่ายเงินของตัวเองใหม่แล้วล่ะ เพื่อจะได้จัดการวางแผนการเงินใหม่นั่นเอง
2. สัญญาณการเงินที่สอง มองหาการยืมเงิน
เมื่อเงินขาดมือหนักมาก สิ่งที่คุณจะมองหาต่อไปก็คือจะยืมเงินจากใครดี ซึ่งการยืมเงินต้องหาเหตุผลมาเพื่อให้เจ้าหนี้เชื่อและมอบเงินให้กับเรา เมื่อเรารับเงินมาเราก็ต้องจัดการการเงินให้ดีถ้ามาต่อยอดทำทุนอันนี้ถือว่ามีประโยชน์ แต่ถ้านำมาเพื่อเป็นอาหารประทังชีวิตสิ่งนี้มีปัญหาตามมาแน่นอนค่ะ เพราะนอกจากจะไม่ทำให้มีรายได้เพิ่มพูนขึ้นมาแล้วยังทำให้เกิดปัญหาหนี้สินที่หาเงินมาใช้คืนได้ยากตามมาอีกด้วย ก็แหม! ขนาดตัวเองยังไม่มีเงินพอจะใช้จ่ายเลย แล้วจะไปหาที่ไหนมาคืนเขาได้ล่ะจริงไหม
3. สัญญาณการเงินที่สาม เงินในบัญชีติดลบ
เงินเบิกเกินบัญชีก็เต็มวงเงินแล้วกดเอทีเอ็มไม่ออกเป็นสัญญาณเตือนว่าเงินในบัญชีหมดทุกธนาคารแล้ว อาการทางการเงินย่ำแย่ขนาดหนัก แบบนี้ต้องคิดให้หนักแล้วนะคะว่าจะหางสร้างเม็ดเงินเข้าบัญชีได้อย่างไร ขืนไม่ทำอะไรเลยมีหวังดิ่งเหวแก้ไขยากแต่ถ้าเรารู้ตัวแล้วรีบพลิกสถานการณ์ให้กลับมาเป็นบวกก็ยังทันนะคะ โดยทางที่ดีควรเปิดบัญชีสัก 2 บัญชี เป็นบัญชีปิดตายสำหรับเก็บเงินโดยเฉพาะ 1 บัญชี เพื่อที่อย่างน้อยก็จะได้มีเงินเก็บเหลืออยู่บ้างนั่นเอง
4. ไม่พอใจเมื่อลูกขอเงินไปใช้จ่าย
ลูกบางทีเขาก็ไม่รู้ว่าคุณมีฐานะการเงินอย่างไร คุณอาจไม่บอกเขาตรง ๆ ว่าตอนนี้สถานการณ์เริ่มเลวร้าย คุณก็เริ่มแสดงอาการไม่พอใจเพราะไม่มีเงินจะให้และไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหนด้วย คุณต้องสังเกตตัวเองว่าอารมณ์เป็นอย่างไรเมื่อพูดถึงการเงินถ้ารู้สึกไม่ค่อยชื่นชมยินดีเท่าไรก็ต้องรีบหาวิธีเปลี่ยนฐานะการเงินโดยด่วนเลยค่ะ
5. คิดมากเมื่อมีการเรี่ยไรเงินทำบุญ
แม้แต่จะใส่ซองทำบุญคุณยังต้องคำนวณว่าจะต้องหารายได้เป็นจำนวนเท่าไร อย่างนี้อาการทางการเงินไม่ค่อยดีนักทำบุญยังต้องคิดมากถึงขนาดนี้ รีบเลยค่ะพลิกสถานการณ์ของตัวเอง มองหาช่องทางที่จะเกิดรายได้ไม่มัวจมอยู่กับความเครียดเรื่องเงินแต่ไปเครียดว่าจะเริ่มหารายได้เมื่อไรดีกว่า พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด่วนเลยนะคะ
6. เงินเดือนหมดตั้งแต่สิบวันแรก
อะไรจะใช้เงินเร็วขนาดนั้น นั่นหมายความว่าเจ้าหนี้มารอคุณอยู่ เมื่อเงินออกคราใดก็ต้องรีบเคลียร์หนี้สินโดยเร็วเงินจึงหมดภายในสิบวันแรกตั้งแต่ที่เงินเดือนออกแล้วก็เหี่ยวแห้งกันต่อไป อย่างนี้ไม่ดีแน่ จิตจะตกมาก เราต้องหาเงินหารายได้เพิ่มเป็นการด่วนเลยค่ะให้เงินอยู่ได้ทั้งเดือนหรือเลยเดือนไปได้สบาย ต้องหาอะไรทำแล้วล่ะค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นงานหนักๆ ที่ต้องทำเต็มเวลาก็ได้ เอาแค่มีเวลาสัก 2-3 ชั่วโมงหลังเลิกงาน หรือไม่ก็งานอดิเรกที่ชอบทำกันนี่ล่ะค่ะ เช่นงานฝีมือ ซึ่งก็ขายได้ราคาดีเหมือนกันนะ ปลีกเวลาว่างสักหน่อย ก็จะมีเงินไว้สำหรับใช้จ่ายตลอดทั้งเดือนแล้วล่ะ แถมยังอาจจะมีเงินเก็บเพิ่มมากกว่าเดิมก็ได้นะ
7. ไม่สามารถชำระหนี้เจ้าหนี้รายย่อยได้
หากคุณเกิดไปติดหนี้เล็ก ๆ น้อยใครเข้าก็มันจำนี่นะ แต่จนแล้วจนรอดก็ผัดวันชำระไปเรื่อย ๆ จนเจ้าหนี้เอือมระอาการเงินแบบนี้ไม่ไหวเหมือนกันนะคะ ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้เงินเพิ่ม ต้องขายอะไร ต้องกล้าที่จะยอมรับความจริงแล้วบุกลุยไปมองไปที่คนค้าขายและลงมือทำแบบพวกเขา สมัยนี้อายทำกินไม่ได้เลยนะคะ ชีวิตต้องสู้จริง ๆ เลยค่ะ
เมื่อรู้สึกว่าการเงินกำลังเริ่มมีปัญหาควรรีบจัดการโดยด่วน อย่าปล่อยละเลยเป็นเวลานานๆ เพราะจะทำให้ปัญหาการเงินตามมาได้นั่นเอง แถมยังจะทำให้การเงินของคุณเดินมาจนสุดท้ายอีกด้วยนะ
เพราะฉะนั้นอยากมีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ ก็ควรบริหารการเงินให้เป็น และควรเก็บออมเงินไว้บ้าง แค่นี้ก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาการเงินตามมาแล้วล่ะ ลองมาจัดระบบการเงินของคุณกันดูนะคะ