หลายคนคงจะเจอกับเหตุการณ์สมัครสินเชื่อบ้าน เท่าไหร่ก็ไม่ผ่านซักทีกันใช่มั้ยล่ะคะ ในปัจจุบันนี้แม้ว่าการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินจะเข้มงวดขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่มีโอกาสได้รับการอนุมัติเลย เพียงแต่ธนาคารมีการพิจารณาอย่างเข้มงวดขึ้น เพื่อปล่อยสินเชื่อให้ผู้ที่ธนาคารเห็นว่าผ่านหลักเกณฑ์ตามที่ธนาคารกำหนดเท่านั้น
เมื่อคนส่วนใหญ่ยังต้องการแหล่งเงินกู้จากธนาคารในการซื้อบ้าน การจะขอสินเชื่อจากธนาคารจึงควรที่จะต้องมีเครดิตที่ดี ไม่ติดบัญชีดำของศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติหรือเครดิตบูโร ที่ผู้ขอสินเชื่อสามารถตรวจเช็คข้อมูลทางการเงินของตัวเองกับเครดิตบูโรได้โดยตรงก่อนการทำเรื่องขอสินเชื่อ
และเรื่องที่คุณต้องทราบดีเป็นอย่างแน่นอนเลยนั่นคือ ก่อนการซื้อบ้านควรจะต้องมีเงินออม เพราะธนาคารส่วนใหญ่จะไม่ปล่อยกู้เต็มจำนวนของราคาซื้อขาย ผู้ซื้อบ้านจึงต้องมีเงินออมเพื่อเป็นหลักประกัน และเป็นข้อมูลที่ธนาคารใช้พิจารณาเครดิตของผู้ขอสินเชื่อด้วย โดยผู้กู้ควรประเมินกำลังซื้อของตัวเองจากรายได้ทั้งของตัวเอง และของผู้กู้ร่วมด้วยว่าสามารถกู้ได้ในวงเงินเท่าไร การประเมินกำลังซื้อบ้าน และการขอสินเชื่อสามารถขอคำปรึกษาโดยตรงจากทางธนาคารได้ หรืออาจใช้เครื่องคำนวณอัตโนมัติที่มีให้บริการอยู่ในหลายเว็บไซด์เพื่อประเมินในเบื้องต้น
ทางที่ดีเลยนะคะ สำหรับคนมีรายได้น้อย ควรเลือกผ่อนในระยะเวลาที่นานขึ้น 20-30 ปี เพื่อให้เงินงวดที่จะผ่อนมีจำนวนลดลง โดยทั่วไปธนาคารมักให้วงเงินกู้ประมาณ 15-30 เท่าของรายได้ อาจลดหลั่นมากน้อยตามแต่กลุ่มอาชีพ ธนาคารมักกำหนดเงินงวดต่อเดือน
การพิจารณาสินเชื่อของธนาคาร
การพิจาณาอาจใช้เวลาเร็วช้าต่างกัน แต่โดยทั่วไปแล้วการยื่นกู้จนถึงอนุมัติให้กู้ของสถาบันการเงินในปัจจุบันจะใช้เวลาประมาณ 10-20 วันทำการ โดยจะมีขั้นตอนการพิจารณาที่คล้ายคลึงกัน คือ ผู้กู้จะต้องติดต่อขอแบบฟอร์ม และยื่นความจำนงขอกู้พร้อมทั้งเอกสารตามที่ธนาคารกำหนด จากนั้นในการยื่นกู้สถาบันการเงินจะเก็บค่าธรรมเนียมประเมินราคา
สถาบันการเงินจะทำการสำรวจและประเมินราคาบ้านและที่ดินที่จะนำมาเป็นหลักประกัน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-5 วัน จากนั้นจะพิจารณาคำขอกู้โดยวิเคราะห์รายได้และหลักประกันของผู้กู้ รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ และจะแจ้งผลการประเมิน ในกรณีที่ผู้กู้ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ ธนาคารสามารถบังคับเอาจากหลักประกันได้
วงเงินกู้และระยะเวลาที่ขอกู้ เมื่อผู้ซื้อบ้านคิดจะกู้เงินมักคิดตั้งคำถามกับตนเองเสมอว่าจะกู้ในระยะเวลานานแค่ไหน ซึ่งโดยทั่วไปธนาคารจะให้กู้ตั้งแต่ 5-30 ปี การตัดสินใจตรงนี้จะขึ้นอยู่กับวงเงินกู้ และความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้ เพราะหากผู้กู้ต้องการวงเงินกู้สูงแต่ความสามารถในการผ่อนชำระค่อนข้างต่ำ จำเป็นต้องขยายเวลาออกไปให้นานที่สุดเป็น 25-30 ปี เพื่อที่จะให้เงินงวดลดลงจนถึงจุดที่สามารถผ่อนชำระได้เพราะในวงเงินกู้เท่ากัน อัตราดอกเบี้ยเท่ากันยิ่งใช้เวลาผ่อนนานมากขึ้น
การพิจารณาของธนาคารจากเงินงวด โดยทั่วไปวงเงินกู้ที่อนุมัติจะอยู่ที่ประมาณ 70-80% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย แต่ในปัจจุบันตลาดมีการแข่งขันสูง สถาบันการเงินอาจทำข้อตกลงกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ว่าจะให้การสนับสนุนทางด้านการเงิน โดยให้วงเงินกู้สูงถึง 90-100% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย ส่วนระยะเวลากู้ธนาคารมักกำหนดระยะเวลากู้นานสูงสุดประมาณ 15-30 ปี (ขึ้นอยู่กับหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกัน)
แต่ธนาคารส่วนใหญ่มักกำหนดให้ระยะเวลากู้เมื่อรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65-70 ปี สำหรับผู้กู้ที่มีกำลังผ่อนในปัจจุบันในระยะเวลา 15 ปีหรือ 20 ปี หากคาดการณ์ว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนจะสูงขึ้น อาจทำให้เกิดปัญหาการผ่อนชำระได้ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะขยายระยะเวลากู้เป็น 25-30 ปี เพื่อลดเงินค่างวดที่ผ่อนต่อเดือนน้อยที่สุด ในภายหลังหากผู้กู้มีรายได้เพิ่มขึ้นก็สามารถชำระเงินค่างวดเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้เดิมได้ ซึ่งจะทำให้หนี้เงินกู้หมดเร็วขึ้น
ดังนั้นเงินกู้ก็อาจจะผ่อนหมดในเวลาสั้นลง แต่จะกู้ได้นานสูงสุดกี่ปีนั้นจะขึ้นอยู่กับอายุของผู้กู้ด้วย โดยธนาคารส่วนใหญ่จะกำหนดว่าเมื่อนำอายุของผู้กู้มารวมกับระยะเวลากู้แล้วต้องไม่เกิน 60 หรือ 70 ปี เป็นเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ยกตัวอย่างเช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้กำหนดอายุของผู้กู้ เมื่อรวมกับระยะเวลาผ่อนชำระต้องไม่เกิน 70 ปี เพราะฉะนั้นถ้าผู้กู้อายุ 50 ปี จะต้องผ่อนชำระคืนในเวลา 20 ปี ทั้งนี้ระยะเวลากู้ยืมนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของผู้กู้เป็นหลัก เงินกู้ระยะสั้นมีดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินกู้ระยะยาว อย่างไรก็ตามหากผู้กู้มีรายได้น้อยในปีแรกๆ หรือต้องการผ่อนสบายๆ เมื่อมีรายได้มากขึ้นอาจเพิ่มค่างวดในภายหลังก็ได้
เป็นเคล็ดลับที่ดีไม่น้อยเลยใช่มั้ยล่ะคะ สำหรับผู้ที่ได้ทำการสมัครขอสินเชื่อไปเท่าไหร่ก็ไม่ผ่านสักที แต่วันนี้เพียงแค่คุณเตรียมตัวเองหรือปฏิบัติตามคำแนะนำที่ได้กล่าวไปในข้างต้นรับรองได้เลยว่าผ่านการพิจารณาอย่างแน่นอนเลยล่ะค่ะ