สำหรับผู้ที่สนใจการออมเงิน มักได้ยินหรือได้รับคำแนะนำเรื่องการออมเงินด้วยการซื้อประกันต่าง ๆ นานาเพื่อเป็นทั้งหลักประกันให้กับชีวิต และ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกการออมเงินค่ะ และทุกวันนี้ประกันก็มีให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต หรือ ประกันบำนาญ ค่ะ แล้วถ้าคุณก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยังลังเลว่าควรซื้อประกันแบบไหนดีถึงจะคุ้มที่สุดนั้น บอกได้เลยว่า เป็นอะไรที่ตัดสินใจยากอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะแม้ว่าทั้งสองอย่างจะเป็นเรื่องของประกันเหมือน ๆ กัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่นะคะ จึงเหมาะกับรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนแต่ละกลุ่ม หรือจะหมายถึงกลุ่มของความเสี่ยงที่ไม่เหมือนกันก็ได้ค่ะ เราจึงต้องดูเป็นรายบุคคล ตามไลฟ์สไตล์และภาระของแต่ละคนน่าจะเหมาะสมกว่านะคะ
ถ้าเราจะพูดถึงประกันชีวิต ก็ต้องมาดูก่อนว่า จุดประสงค์ของการทำประกันชีวิตนั้นคือ การออมเงินไว้เพื่อให้คนที่อยู่ข้างหลังไม่ลำบาก ซึ่งก็คือ คนที่สะสมเงินหรือจ่ายเบี้ยประกันนั้นไม่ได้ใช้ประโยชน์ใด ๆ จากเงินก้อนนี้เลย แต่คนที่เขารักและเป็นห่วงต่างหาก คือ ผู้ที่ได้รับเงินก้อนนี้ไปใช้เมื่อผู้ที่ทำประกันเสียชีวิตไป ก็จะไม่ลำบากมากนัก รูปแบบของประกันชีวิตลักษณะนี้จึงเหมาะสมกับคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัว, เป็นเสาหลักของบ้าน เช่น คุณแม่ที่ดูแลลูกน้อย หรือ พี่สาวที่เลี้ยงดูน้อง ๆ ซึ่งถ้าจะดูกันไปตามความจริงในสังคม ก็อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่จำเป็นต้องทำประกันชีวิตค่ะ หรือถ้าคุณลองเทียบระหว่างคุณแม่ที่มีลูกน้อย กับ เด็กเพิ่งเรียนจบยังไม่มีครอบครัว และเป็นลูกคนเล็กของที่บ้าน ใครควรทำประกันชีวิตมากกว่ากัน คำตอบก็คือ คุณแม่ที่มีลูกเล็ก ๆ เพราะถ้าคุณแม่ไม่อยู่ลูก ๆ ก็ยังสามารถนำเงินจากประกันมาเป็นหลักได้บ้าง แต่สำหรับคนโสดที่ครอบครัวใหญ่ ๆ อย่างเด็กเพิ่งจบนั้น ยังไม่ได้มีความจำเป็นมาก เพราะที่บ้านยังสามารถดูแลกันต่อไปได้ แต่ก็ไม่ได้บอกนะคะว่าห้ามทำ หรือ ทำแล้วไม่ดี ณ จุดนี้ ขอเน้นกันที่ความจำเป็นมาก่อนค่ะ เพราะเราต้องไม่หลงประเด็นไปด้วยว่า การทำประกันนั้นเป้าหมายหลักก็คือไว้บริหารความเสี่ยงที่มีต้นทุนคือเบี้ยประกันทุก ๆ เดือน ไม่ใช่ของฟรี ๆ ค่ะ แล้วถ้าเราจะนำเงินออกมาใช้ก็ต้องใช้ประกันให้ตรงเป้าและเหมาะสมที่สุดค่ะ
ประกันชีวิตที่เราได้รับคำแนะนำกันมาบ่อย ๆ ก็คือ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ กับ ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ซึ่งโดยส่วนใหญ่เรามักติดใจและหลงไปสมัครประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ด้วยเห็นว่ามีเงินออมเงินคืนให้ และก็มีคนอยู่ไม่น้อยเลยที่ทำประกันชีวิตลักษณะนี้ด้วยทุนประกันเพียง 100,000 หรือ 200,000 บาทเท่านั้น ซึ่งหากเราลองถามตัวเองตรง ๆ ดูว่า เงินก้อนหลักแสนหรือสองแสนนั้น จะเพียงพอต่อการเป็นทุนให้คนข้างหลังได้มากอย่างที่เราต้องการไว้หรือเปล่า ดังนั้นก่อนทำประกันเราต้องตอบตัวเองก่อนว่า นี่คือประกันชีวิตเพื่อคนที่อยู่ต่อ เราจะไปสนใจเงินออมเพื่ออะไร ถ้าจะออมเงินก็นำเงินนั้นไปลงทุนกองทุน หรือ ฝากประจำ อื่น ๆ แทนน่าจะตรงจุดประสงค์มากกว่า และอีกอย่างก็คือ การที่คุณ ๆ ทำประกันชีวิตแบบออมทรัพย์นั้น นอกจากคุณจะได้ทุนประกันน้อยแล้ว คุณยังต้องจ่ายเบี้ยประกันแพงกว่าการประกันแบบตลอดชีพด้วยนะคะ ทีนี้ ถ้าคุณเล็งเห็นถึงความเสี่ยงของชีวิตที่อาจมีผลกระทบต่อคนที่คุณรักแล้วหล่ะก็ เลือกประกันแบบตลอดชีพจะเหมาะสมกว่า อย่างเช่นว่า ถ้าคุณเลือกประกันตลอดชีพที่มีทุนประกันประมาณหนึ่งล้านบาท คุณก็อาจจะต้องชำระเบี้ยประกันราว ๆ 10,000 บาทต่อปี ในทางตรงกันข้ามเงินจำนวนเท่า ๆ กันที่คุณเสียออกไปให้กับประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ คุณจะได้ทิ้งทุนประกันไว้ข้างหลังประมาณ 100,000 บาทเท่านั้นค่ะ ลองพิจารณากันดี ๆ นะคะ
ส่วน ประกันแบบบำนาญ นั้น เป็นการลดความเสี่ยงของชีวิตอีกด้านหนึ่งคือ เราจะใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างไร หรือ จะมีเงินใช้ในช่วงที่แก่ตัวลงไปแล้วอย่างไรดี ยิ่งช่วงระยะหลัง ๆ มานี้ การศึกษาต่าง ๆ ก็ชี้ไปในทางเดียวกันว่าคนเราจะมีอายุยืนยาวขึ้น ตายช้า และ คนโสดก็มีมากขึ้นด้วย ประกันแบบบำนาญนี้ จึงน่าสนใจไม่ใช่น้อยค่ะ และชัดเจนว่า คนที่ได้ประโยชน์จากประกันลักษณะนี้ก็คือคนที่ออมนั่นเองค่ะ โดยทำการออมเงินทุก ๆ ปี และเมื่อผู้จ่ายประกันอายุประมาณ 55 หรือ 60 ปี ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ ก็จะมีการจ่ายเงินคืนและให้ผลตอบแทนกลับมาค่ะ แต่ถ้าผู้ทำประกันจากไปก่อนถึงวัยเกษียณเขาก็จะจ่ายเป็นความคุ้มครองให้ หรือถ้าเสียชีวิตระหว่างช่วงวัยเกษียณ เขาก็จะจ่ายเงินก้อนให้ตามลักษณะสัญญาของแต่ละที่ค่ะ และแม้ว่าการทำประกันแบบนี้จะเสียเบี้ยประกันที่สูงมากไปสักนิด แต่ถ้าเราได้เทียบกับการมีเงินออมในวัยชรา ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ สำหรับคนโสด หรือ คนที่ไม่อยากเป็นภาระลูกหลานเมื่อถึงวัยชราค่ะ