บัตรเครดิตเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ถ้าคนเรารู้จักวิธีการใช้อย่างถูกต้องก็จะทำให้ได้รับความสะดวกหลาย ๆ ประการ แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ใช้บัตรเครดิตผิดทางและบัตรเครดิตก็มีช่องทางที่เอื้อให้ใช้ประโยชน์ได้แบบผิด ๆ ด้วย แม้ว่าจะไม่ได้เป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของบัตรเครดิตก็ตาม ปัจจุบันแต่ละวันมีคดีที่ต้องขึ้นศาลแพ่งเกี่ยวกับการประนอม หนี้บัตรเครดิต จำนวนมาก ทำให้เห็นว่าคนเราต้องมีความรู้ในการจัดการเรื่องบัตรเครดิตให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ถ้าคุณเป็นผู้ที่เริ่มใช้บัตรเครดิตก็ควรจะชะลอการใช้บัตรเครดิตไปก่อนถ้ายังไม่รู้จักข้อดีและข้อเสียของบัตรเครดิต ในบทความนี้จะได้พูดถึงช่องทางการใช้บัตรเครดิตที่ทำให้เป็นหนี้ได้ง่าย และวิธีการป้องกันการเป็นหนี้จากบัตรเครดิต เชื่อว่าถ้าคุณได้รู้โอกาสของความเสี่ยงแล้วจะใช้บัตรเครดิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น
โอกาสแห่งการเป็นหนี้บัตรเครดิต
1. ระยะเวลาการชำระเงิน
ทุกครั้งที่มีการใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้า ผู้ถือบัตรยังไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินทันที บัตรเครดิตจะมีรอบบิลและกำหนดวันตัดยอด เช่น ตัดทุกวันที่ 20 ของทุกเดือน และมีวันที่ต้องชำระเงินทุกวันที่ 5 ของทุกเดือน สมมติว่าคุณใช้บัตรเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ถัดจากวันที่เพิ่งตัดรอบไป ก็หมายความว่าเงินจำนวนที่คุณใช้ในวันที่ 21 สิงหาคม นั้นยังไม่ต้องจ่ายให้ใคร จนกว่าจะถึงวันที่ 5 ของเดือนตุลาคม คือมีระยะเวลาปลอดการชำระไปอีกประมาณ 45 วันนั่นเอง กลไกระยะเวลาการชำระเงินนี้แม้ว่าจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ เสมือนว่าได้เงินจากธนาคารมาใช้ไปก่อนโดยไม่ต้องชำระดอกเบี้ย เมื่อคิดในแง่ทฤษฏีก็เป็นประโยชน์อยู่เหมือนกัน สมมติว่ารูดซื้อสินค้า 10,000 บาท กว่าจะจ่ายก็ 45 วัน ใน 45 วันนั้นถ้า 10,000 บาทนี้ฝากอยู่ในธนาคารก็จะได้ค่าดอกเบี้ยเงินฝากไปพลาง ๆ เรียกว่ามีคนออกเงินให้คุณก่อน คุณไม่เสียดอกและยังได้ดอกเบี้ยเงินฝากอีกต่างหาก ถ้าใครใช้บัตรเครดิตอย่างที่ว่านี้ได้ก็น่าจะมีโอกาสรวยขึ้น
แต่ความเป็นจริงกับทฤษฎีกลับสวนทางกันกลายเป็นคนเรานำหลักการนี้มาใช้เพื่อหมุนเงินหรือคาดหวังว่าจะมีเงินในอนาคตมาจ่ายให้ เช่น ตอนนี้ยังไม่มีเงิน 10,000 บาทนั้น แต่เห็นว่าทีวีลดราคาโปรโมชั่นในราคา 10,000 บาท ก็คาดว่าอีก 45 วันคงมีเงินใหม่มาชำระได้จึงใช้บัตรเครดิตรูดซื้อไปก่อน แต่แล้วก็มีเรื่องให้มาใช้จ่ายไปเรื่อย ๆ อีก เมื่อใกล้วันกำหนดชำระก็พบว่าไม่มีเงินพอที่จะชำระเงินได้ตามกำหนด และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการเป็น หนี้บัตรเครดิต นั่นเอง
วิธีแก้ปัญหานี้ง่ายมาก ก็แค่คุณต้องมีเงินสดที่พร้อมจ่าย ณ วันที่ซื้อของ เป็นเงินเย็นที่ไม่มีภาระการใช้จ่ายอย่างอื่น โดยนำเงินจำนวนนี้ไปฝากในธนาคารที่รอตัดจ่ายบัตรเครดิตโดยเฉพาะและห้ามถอนออกมาเด็ดขาด ข้อดีคือคุณได้ดอกเบี้ยธนาคารไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่เงินนั้นนอนรออยู่ในบัญชีธนาคารและคุณก็จะมีเงินสำรองจ่ายเท่ากับยอดเงินที่คุณใช้ ไม่มีทางเป็นหนี้บัตรเครดิตแน่นอน ด้วยวิธีนี้เท่านั้นคุณจึงจะมีวินัยทางการเงินในการใช้บัตรเครดิต
2. เงื่อนไขการชำระเงินคืนแบบขั้นต่ำ
เป็นที่น่าสงสัยว่าเงื่อนไขชำระเงินขั้นต่ำนี้มีไว้เพื่ออะไร นัยหนึ่งก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือบัตรเครดิตมีทางเลือกในการชำระเงินที่ยืดหยุ่น เพราะเชื่อว่าคนเราอาจจะมีปัญหาทางการเงินขึ้นมาได้ในวันใดวันหนึ่ง แต่ถ้ามองในมุมกลับแล้วการเปิดโอกาสให้ชำระเงินขั้นต่ำเช่นนี้เป็นกับดักที่ทำให้คนกลายเป็นหนี้บัตรเครดิตกันมาก ไม่ต่างจากการเปิดช่องทางให้ทำการกู้เงินโดยอัตโนมัติ เพราะสมองคนเรามักจะหนทางที่เบาแรงกว่าเสมอ เมื่อมีช่องทางให้ชำระเงินขั้นต่ำ จ่ายเงินน้อยกว่าก็ผ่านพ้นรอบการชำระเงินไปได้ทีละงวดได้ก็ดูน่าสนใจ เมื่อยามที่มีเงินพอหรือมีวินัยก็ชำระเต็ม
แต่ชีวิตคนเรานั้นไม่แน่นอน บางครั้งอาจจะหมุนเงินค่าใช้จ่ายไม่ทันหรือเผอิญใช้บัตรเครดิตเกินเงินสำรองที่มีจ่ายแล้วจ่ายไม่ทัน เมื่อนั้นการชำระเงินขั้นต่ำก็จะกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นมาทันที เมื่อเริ่มมีการชำระขั้นต่ำก็คือเริ่มเป็น หนี้บัตรเครดิต แล้ว เพราะว่าเงินในส่วนที่ยังไม่ได้จ่ายก็จะเริ่มถูกคิดดอกเบี้ยเงินกู้ไปเรื่อย ๆ ถ้าจ่ายหมดได้เร็วก็ดีไป แต่โดยมากแล้วภาระทางการเงินของคนเรามักจะมีมาเรื่อย ๆ ยิ่งชำระขั้นต่ำไปหลาย ๆ เดือน เงินต้นก็เพิ่มขึ้น ๆ ทำให้คนเราต้องชำระค่าดอกเบี้ยเงินกู้บัตรเครดิตที่แพงโดยใช่เหตุ วิธีแก้ปัญหานี้คือต้องมีวินัยชำระเต็มวงเงินทุกครั้ง และต้องใช้บัตรเครดิตเท่าที่มีเงินสดในมือจริง ๆ ไม่ใช่ใช้ตาม”วงเงิน” ที่มีให้ในบัตรเครดิต นอกจากนี้คุณยังสามารถยกเลิกเงื่อนไขการชำระเงินแบบขั้นต่ำได้ โดยการติดต่อธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตให้ดำเนินการให้ และคุณต้องลืมเรื่องวิธีการจ่ายขั้นต่ำออกไปจากความคิดให้ได้
3. การกดเงินสด
วงเงินในบัตรเครดิตในระดับหลักแสนบาทนับว่าล่อตาล่อใจมาก ยิ่งเป็นบัตรเครดิตที่มีความพรีเมียมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีวงเงินสูงมากเท่านั้น สินเชื่อเงินสดจากการกดผ่านบัตรเครดิตจึงเป็นสิ่งที่ทำง่ายมากเพราะว่าไม่ต้องขออนุมัติจากใครอีกแล้ว สามารถกดผ่านบัตรเครดิตได้ทันทีในวงเงินที่มีอยู่ คนเราถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากกดเงินยืมจากใครแน่นอน แต่ถ้ามีช่องทางที่เอื้อให้อย่างนี้ เมื่อถึงเวลาที่เงินช๊อตขึ้นมาก็เป็นทางเลือกที่คนเราจะกดเงินสดออกมาใช้ก่อน ถ้าเป็นระยะสั้นก็ถือว่าเป็นประโยชน์ในกรณีต้องการเงินสดฉุกเฉิน สิ่งที่คุณต้องเสียเพิ่มก็มีเพียงค่าธรรมเนียมการถอนเงินสดต่อครั้งและต้องชำระให้ทันกำหนดชำระเงินด้วย แต่ถ้าคุณต้องการใช้เงินโดยที่รู้อยู่แล้วว่าคงไม่สามารถหาเงินมาชำระรอบต่อไปได้ ก็ไม่ควรกดเงินสดผ่านบัตรเครดิตอย่างยิ่ง เพราะว่าเป็นเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดกว่า 28% เรียกว่าเป็นเครื่องมือหาเงินที่ดีที่สุดของธนาคารและผู้ออกบัตรเครดิตทีเดียว แต่ก็เป็นความเสี่ยงของเขาเองด้วยเพราะสุดท้ายแล้วมีคนจำนวนมากที่ไม่สามารถชำระคืนได้กลายเป็นหนี้เสียในระบบจนไปถึงขั้นฟ้องร้องต่อศาลแพ่งเพื่อประนอมหนี้หรือเข้าสู่ขั้นตอนการบังคับคดีกันต่อไป วิธีป้องกันในขั้นตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวคือไม่กดเงินสดจากบัตรเครดิตทุกกรณี ยกเว้นคุณเป็นคนที่มีกระแสเงินสดดีและมีเงินสำรองจ่ายที่เพียงพออยู่แล้วก็สามารถทำได้
คนเรามีโอกาสที่จะเป็น หนี้บัตรเครดิตกัน มาก จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี ด้วยช่องทางต่าง ๆ ที่เหมือนเปิดช่องให้กลายเป็นหนี้ได้อย่างง่าย ๆ การใช้บัตรเครดิตจึงต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก ถ้าคุณคิดว่าตนเองไม่มีวินัยทางการเงินที่ดีพอ ก็อย่าสมัครใช้บัตรเครดิตเลยจะปลอดภัยกว่า หลายคนมีแนวคิดที่ว่ามีติดในกระเป๋าไว้สักใบคงไม่เสียหายหรือคิดว่าเอาไว้เผื่อใช้ ในความเป็นจริงแม้คุณจะไม่มีบัตรเครดิต คุณก็มีชีวิตอยู่ได้ตามปกติเช่นกัน
เมื่อไม่มีบัตรเครดิตก็จะไม่มีโอกาสเป็นหนี้ สมองคนเราจะไปคิดหาทางอื่นในการหาเงินทดแทนโดยอัตโนมัติ เช่น การปรับตัวให้เหมาะกับกระแสเงินสด ทั้งการทำงานให้หนักขึ้น การประหยัดค่าใช้จ่ายด้านต่าง ๆ การระมัดระวังไม่ซื้อของแพงและใช้เงินเกินตัว ก็จะทำให้สามารถประสบความสำเร็จทางการเงินได้แน่นอน