ยังหนุ่มยังสาว ทำไมต้องคิดถึง การเงินวัยเกษียณ ?

เมื่อคนเราเข้าสู่วัยทำงานและเริ่มหาเงินได้เอง หลายคนมักจะมีความเพลิดเพลินและสนุกสนานไปกับการใช้จ่ายและใช้เงินไปเพื่อความสุขด้านต่าง ๆ ของตนเองที่ไม่สามารถทำได้เมื่ออยู่ในวัยเด็กและวัยเรียน ยิ่งในปัจจุบันมีสินค้าและของสวยงามมาล่อตาล่อใจให้ซื้อของได้ง่ายขึ้น ทั้งในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และช่องทางการจำหน่ายที่ส่งตรงถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านและสมาร์ทโฟนหรือการได้เห็นการอัพรูปของเพื่อน ๆ แล้วก็ยิ่งทำให้มีความอยากซื้อของต่าง ๆ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ และร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นตัวชักชวนและดึงดูดให้เงินออกจากกระเป๋าไปได้เร็วมากที่สุด ยิ่งเป็นวัยหนุ่มสาวที่มีพละกำลังและความคล่องแคล่ว แม้ว่าจะมีโอกาสทำงานที่มีรายได้ดีแต่ก็มีโอกาสใช้จ่ายเงินออกไปได้มากเช่นกัน เพราะมีสังคมเพื่อนฝูงมากซึ่งมักมีการเลี้ยงสังสรรค์บ่อยครั้ง และอาจจะทำให้ไม่ได้คิดถึงช่วงชีวิตหลังการเกษียณมากนัก ซึ่งการไม่คำนึงถึงช่วงเวลาหลังการเกษียณเลยนั้น ถือว่าเป็นการวางแผนการเงินที่ไม่ครอบคลุมและขาดความรอบคอบ

เมื่อคนเราเริ่มทำงานแล้ว ควรจะเริ่มต้นวางแผนทางการเงินให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างมีแบบแผนอย่างที่ควรจะเป็นและมีความระมัดระวังการใช้จ่าย โดยรู้จักการออมเงินและการประกันความเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อปกป้องเงินทองของคุณเอง รวมถึงการนำเงินไปลงทุนเพื่อคาดหวังดอกผลในระยะยาว ยิ่งวางแผนได้เร็วเท่าใดก็ยิ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่าด้วยหลักการของดอกเบี้ยที่คิดตามระยะเวลาที่ผ่านไป

เหตุผลที่ต้องมีการวางแผนการใช้เงินไปถึงวัยเกษียณนั้นพอระบุได้ดังนี้

ช่องทางรายรับที่จะต้องหยุดลง

เมื่อถึงวันเกษียณก็เท่ากับว่าจะเริ่มขาดรายได้จากงานประจำที่เคยทำมาหลายสิบปี แม้จะมีเงินกองทุนต่าง ๆ หรือบำเหน็จบำนาญกรณีที่ทำงานรับราชการมาอุดหนุนความเป็นอยู่ในวัยเกษียณก็ตาม ก็ยังถือว่าขาดช่องทางหลักของรายได้ประจำไป นี่คือเหตุผลแรกที่คนวัยหนุ่มสาวต้องรีบคิดถึงวัยเกษียณตั้งแต่ตอนนี้ว่าต้องการใช้เงินเพื่ออะไรบ้าง เพื่อจะได้นำมาวางแผนการใช้เงินด้านต่าง ๆ สร้างความมั่นคงให้กับชีวิตหลังวัยเกษียณ ซึ่งควรมีคุณภาพชีวิตที่ดี บางคนอยากทำตามความฝันของตนเองหลาย ๆ อย่าง เช่น ทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบ หรือการไปท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ควรจะคิดเผื่อไว้ด้วยเพื่อให้รู้ว่าต้องเตรียมเงินไว้เท่าใด และต้องมีช่องทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนอย่างไร

ความสามารถรับความเสี่ยงทางการลงทุนที่ลดลง

มีหลักการที่ว่า “ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งรับความเสี่ยงได้น้อยลง” เพราะหากนำเงินไปลงทุนธุรกิจแล้วเกิดการขาดทุนขึ้นมาก็จะทำให้ทุนจมและมีโอกาสหาเงินก้อนใหม่มาได้ยากขึ้น เพราะเหลือเวลาทำงานอีกไม่มาก เช่น การลงทุนล้มเหลวเมื่ออายุ 40 ปี ย่อมแตกต่างจากการลงทุนที่ล้มเหลวเมื่ออายุ 30 ปี การตระหนักถึงข้อนี้จะทำให้ยิ่งมีความระมัดระวังมากขึ้นถึงสัดส่วนและการจัดพอร์ตการลงทุนด้านต่าง  ๆ โดยไม่ประมาท ยิ่งถ้าได้รู้ว่าความสามารถรับความเสี่ยงจะลดลงเรื่อย ๆ ก็จะต้องยิ่งระวังตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มลงทุนในธุรกิจด้านต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ยิ่งอายุมากขึ้นก็ต้องยิ่งระวังให้มากขึ้นเช่นกัน โดยมองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำไว้ก่อนและคำนวณว่าได้ผลตอบแทนตามที่ต้องการในช่วงการเกษียณหรือไม่ ถ้าเพียงพอแล้วก็จะได้ไม่จำเป็นต้องนำเงินไปลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงมากโดยไม่จำเป็น หรือรู้ว่าควรจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไรให้เหมาะสม ปัจจุบันมีทั้งคู่มือ เนื้อหาและที่ปรึกษาด้านการวางแผนการเงินเพื่อช่วยให้คำแนะนำการวางแผนการเงินที่ครอบคลุมถึงวัยเกษียณอายุ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีถ้าทุกคนมีความตื่นตัวและคิดถึงอนาคต

ค่าดูแลสุขภาพและค่ารักษาพยาบาล

เพราะคนเราต้องมีความเสื่อมของร่างกายตามช่วงเวลา ยกเว้นคนที่ดูแลสุขภาพ อาหารการกินและใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยงต่ำก็อาจจะมีค่าดูแลรักษาพยาบาลต่ำ แม้ว่าจะมีระบบประกันสังคมและระบบประกันสุขภาพ แต่ค่ารักษาพยาบาลและค่ายาบางรายการก็ไม่อยู่ในการสนับสนุน ทำให้ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลราคาแพง และหลายโรคหลายอาการก็มีค่ารักษาที่สูงมาก เช่น กรณีผ่าตัดระบบหลอดเลือดหัวใจ ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ผ่าตัดกระดูกสันหลัง ซึ่งหลาย ๆ อาการก็จะมีผลต่อเนื่องมากจากการใช้ร่างกายที่มากเกินไปในวัยหนุ่มสาวนั่นเอง เช่น นิ้วล๊อก หรือ อาการไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคไตและโรคเบาหวาน คนเราจึงควรเตรียมเงินสำรองด้านสุขภาพไว้ด้วย หรือการประกันสุขภาพแบบสมัครใจก็สามารถช่วยบรรเทาค่ารักษาลงได้ ทั้งนี้ต้องอ่านเงื่อนไขของการประกันสุขภาพให้รอบคอบว่ามีความคุ้มครองอย่างไรก่อนตัดสินใจซื้อประกันภัยนั้น

การวางแผน การเงินวัยเกษียณ อย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงช่วงเวลาหลังการเกษียณจะทำให้นำเงินไปลงทุนได้อย่างถูกต้องและมีแนวทางที่ชัดเจนกว่าการลงทุนแบบไร้ทิศทาง การเตรียมการเพื่อตนเองในอนาคตนั้นจะทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถพึ่งพาตนเองได้ดีในระดับหนึ่งและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่เป็นภาระของผู้อื่น ในวัยหนุ่มสาวที่มีทั้งความแข็งแรงและโอกาสทำการงานจะได้ไม่ตกอยู่ในความประมาทหรือใช้ชีวิตแบบสุรุ่ยสุร่าย และจะไม่มีคำว่าว่าถ้ารู้อย่างนี้ตอนนั้นคงไม่ทำอย่างนั้น