การใช้บัตรเครดิตที่ดีนอกจากการมีวินัยในการใช้แล้ว ยังรวมถึงข้อจำกัดของบัตรเครดิตด้วย ซึ่งหน้าที่ของบัตรเครดิตคือการใช้ชำระค่าสินค้าและบริการแทนเงินสด เมื่อถึงกำหนดชำระก็นำเงินไปชำระ แต่บัตรเครดิตก็สามารถกดเงินสดออกมาได้ แต่ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องนัก เนื่องจากการกดเงินสดออกมาจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ 3% ของยอดจำนวนที่กด และดอกเบี้ยที่คิดเป็นรายวัน หากคิดที่จะกดเงินเพื่อนำมาชำระค่าบัตรเครดิตนั้น เป็นสิ่งที่ผิด ยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่เลือกชำระค่าบัตรเครดิตแบบผิดๆ หรือ ถอนเงินมาชำระค่าบัตรเครดิต แบบผิดๆ
ในกรณีที่นาย ก มีบัตรเครดิตอยู่ 4 ใบ แล้ว นาย ก
กดเงินจากบัตร A เพื่อไปชำระค่าบัตรเครดิต B จากนั้น
กดเงินจากบัตร B แล้วนำเงินไปชำระค่าบัตร C
และวนเวียนอยู่อย่างงี้ไปเรื่อย ถือเป็นสิ่งที่ผิดอย่างมาก เนื่องจาก
อัตราการกดเงินสดจากบัตรเครดิต = (ยอดเงินที่กด x ค่าธรรมเนียมการถอนเงินสด) + ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% พร้อมกับดอกเบี้ยที่เดินรายวัน หรือ 18 – 20% ต่อปี
ดังนั้น วิธีคิดที่จะนำเงินสดจากบัตรเครดิตไปชำระค่าบัตรเครดิตของอีกบัตรจึงเป็นวิธีคิดที่อันตรายอย่างมาก และหนี้สินที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถ้ายที่สุดก็ไม่สามารถที่จะแบกภาระหนี้บัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นของจำนวนเงินและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นด้วย แม้ว่าสถาบันการเงินจะอนุญาตให้สามารถทำการกดเงินสดออกมาได้ แต่สถาบันการเงินก็ยินดีที่จะให้เจ้าของบัตรกดเงินสด โดยไม่มีการแจ้งเตือน เนื่องจากว่าสถาบันการเงินจะได้กำไรจากดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น หากเจ้าของบัตรใช้จ่ายปรกติ ชำระเต็มจำนวนทุกเดือน ทางสถาบันการเงินก็จะไม่ได้กำไรอะไร และเจ้าของบัตรก็ไม่ต้องมีภาระในเรื่องของหนี้สิน ผู้ใช้บัตรเครดิตที่ดีจะต้องเข้าใจเงื่อนไขตรงนี้
สรุปได้ว่าหากต้องการจะชำระค่าบัตรเครดิตหรือปิดหนี้บัตรเครดิตจริงๆ ควรเลือกทำการกู้สินเชื่อเงินสด หรือสมัครบัตรกดเงินสดที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ตํ่ากว่าการกดเงินสดจากบัตรเครดิต น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า