การได้รับข้อเสนอด้านเครดิตจากบัตรเครดิตจากหลายๆ ธนาคาร อาจจะเป็นความภาคภูมิใจที่ คุณจะไปคุยให้ใครต่อใครว่าคุณ เป็นคนมีเครดิตดีเยี่ยม ทั้งที่รายได้คุณไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน ! ซึ่งหากมองเป็นเงินทุกคนก็ย่อมอยากจะได้ เพื่อนำไปใช้นู้นใช้นี่ ทำนู้นทำนี่ มีอยู่ในหัวมากมายที่ต้องการ ใจก็คิดใช้ก่อนเงินเดือนออก หรือได้เงินแล้วค่อยจ่ายก็ได้ ซึ่งบัตรเครดิตส่วนใหญ่ก็จะให้เงิน 1 เท่า หรือ 2 เท่าของเงินเดือน ขึ้นอยู่กับธนาคาร และความซิงของผู้ได้รับเครดิต
สำหรับคนที่มีแค่เงินเดือนอย่างเดียว ทุกเดือนมีรายได้ทางเดียว และได้เงินจำนวนซ้ำทุกเดือน ทำจำนวนเงินที่คุณได้เพิ่มมาจากบัตรเครดิตไม่ว่าจะเป็น 1 เท่า 2 เท่า หรือจะกี่เท่าของเงินเดือนก็ตาม มันคือทิศทางที่นำสู่ความเป็นหนี้ ที่เดินมาหาคุณ และคุณก็ยินดีต้อนรับมันซะด้วย เพราะหากว่าใน 1 เดือน เงินเดือนคุณแทบชักหน้าไม่ถึงหลัง จะต้องจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ค่าอาหารในแต่ละวัน และอื่นๆ จิปาถะ การรับเงินจำนวนนี้มาทำให้คุณเป็นหนี้แน่นอน บางคนอาจจะเถียง “ฉันสามารถจ่ายเป็นขั้นต่ำได้” ใช่คุณสามารถจ่ายเป็นขั้นต่ำได้ แต่ทุกเดือนที่คุณจ่ายดอกเบี้ยบัตรเครดิตของคุณไม่ได้หยุด มันเดินมาหาคุณทุกเดือน คุณไม่ได้จ่ายเฉพาะเงินที่คุณใช้แต่คุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วย ด้วยดอกเบี้ยเข้ามาทุกเดือนการจ่ายของคุณจำนวนเท่าเดิมในทุกเดือนไม่มีวันจบ เว้นแต่คุณจะหาเงินก้อนเดือนมาจ่าย บางคนอาจจะต้องรอโบนัสถึงจะสามารถจ่ายได้ แล้วคุณสามารถคาดหวังกับโบนัสในยุคเศรษฐกิจในปัจจุบันได้เหรอ ถ้าคุณไม่ได้งานที่มีผลประกอบการดีเยี่ยม บางคนไม่มีเงินจ่ายบัตรที่ 1 แต่มีบัตรใหม่มายื่นข้อเสนอและได้วงเงินมากกว่าบัตรเก่าด้วย จึงสมัครบัตรที่ 2 เพื่อนำเงินมาจ่ายบัตรที่เงินให้หมด ความคิดนี้เป็นความคิดที่ผิดพลาดเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าคุณจะนำเงินบัตรที่ 2 จ่ายบัตรที่ 1 หรือนำบัตร 3 มาจากบัตรที่ 2 มันจะเป็นวงเวียนหนี้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด ยกเว้นคุณได้รับโบนัสจำนวนพอกับที่คุณเป็นหนี้ หรือได้รับเงินมาแบบไม่คาดฝัน ซึ่งหากคุณไม่มีจ่าย และหยุดจ่าย จะถูกทวงถาม หากคุณยังไม่จ่าย ก็สามารถยื่นฟ้องคุณได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ยื่นฟ้องคุณก็ติดเครดิตบูโรทันที อนาคตที่วาดฝันไว้ ซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ ในชื่อของคุณเองหมดสิทธิ์!
อาจจะมีคนถามว่าแล้วมีวิธีดีดีแก้ไขหรือไม่ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ซึ่งคุณจะต้องเป็นคนที่มองสถานการณ์ล่วงหน้ามากสักหน่อย เพราะส่วนใหญ่จะรู้ตัวเมื่อสายไปแล้ว จะแก้อะไรก็ไม่ทัน
แต่ก็มีหนทางเหมือนกันสำหรับการทำ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต โดยการยื่นกู้ธนาคารเพื่อมาจ่ายบัตรเครดิตทุกใบ แล้วเราจ่ายกับธนาคารที่เดียวที่ทางสามารถจ่ายได้ ซึ่งก็ต้องคุยกับธนาคารก่อน ซึ่งมีหลายธนาคารที่เปิดรับ แต่ธนาคารที่ดอกเบี้ยไม่สูงมาก อาทิ ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารออมสิน , ธนาคารอิสลาม เป็นต้น อย่างไรลองเช็คดูหลายๆ ที่ดูที่ดอกเบี้ยเราสามารถจ่ายได้ หากคุณสามารถทำวิธีนี้ได้ คุณจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินของคุณใหม่ทันหมด จะต้องมีวินัยกับตัวเอง ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย แม้แต่ค่าขนม 5 บาท 10 บาท ก็ต้องบันทึก และคุณจะรู้ว่าควรจะลดรายจ่ายส่วนใด แล้วเริ่มออมเงิน จะโดยวิธีใดก็ตามแต่สะดวก ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต หรือ กองทุนต่างๆ แต่จะต้องศึกษากันดีก่อนเหมือนกัน
ส่วนสำหรับคนที่ไม่ทันแล้วฉันใกล้โดยฟ้องแล้ว และไม่ได้คิดจะกู้อะไร แล้วมีเจ้าหน้าที่โทรมาท้วงแทบทุกวัน จนไม่อยากรับโทรศัพท์ไม่รับโทรศัพท์แล้ว รับไปเถอะ เจ้าหน้าที่โทรมาก็รับไป เป็นการรับรู้ว่าไม่หนี แต่เรายังไม่พร้อมที่จะจ่าย ถ้าเขาบอกจะส่งฟ้องศาล ก็ให้เขาส่งไป แล้วไปพบศาลตามนัด เมื่อไปถึงจะมีการไกล่เกลี่ยคดีความ ส่วนใหญ่จะมีข้อเสนอที่ดีที่คุณสามารถจ่ายได้ ถ้าคุณจ่ายได้ คุณก็ไม่ต้องไปคุยกับผู้พิพากษา แต่หลังจากนี้คุณต้องเสมอต้น เสมอปลายทุกเดือน จะต้องจ่ายทุกเดือน เพราะหากคุณไม่จ่าย คุณจะมีปัญหาที่จะต้องขึ้นศาลอีกครั้ง และอาจจะถูกยึดทรัพย์ แต่เมื่อคุณจ่ายไปทุกเดือน สักพัก ตามที่ได้ตกลงตอนไกล่เกลี่ยคดี ก็จะมีพนักงานโทรมายื่นข้อเสนอในการปิดบัญชี และมีส่วนลดให้คุณถึง 50% เลยที่เดียว ซึ่งหากคุณมีกำลังและสามารถจ่ายได้ ก็จัดการจ่ายให้เรียบร้อย การนำ เงินอนาคต มาใช้หอมหวานระยะสั้น แต่ขมขื่นระยะยาว โปรดใช้สติในการพิจารณา