การขอสินเชื่อเช่าซื้อรถในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะมีบริษัทมากมายที่รอต้อนรับคุณในฐานะลูกค้าคนสำคัญ พวกเขาพร้อมให้บริการคุณอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินเอกสาร การขออนุมัติ ซึ่งทั้งหมดนี้แทบไม่มีขั้นตอนไหนที่คุณต้องลงมือเองให้ยุ่งยากเหมือนการขอ สินเชื่อรถยนต์ ในยุคก่อนๆ
สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ หมายถึง การทำสัญญาซื้อ-ขาย ระหว่างคุณกับบริษัทจำหน่ายรถยนต์ โดยทำสัญญาเช่าซื้อผ่านคนกลาง คือสถาบันการเงินต่างๆ โดยทางสถาบันการเงินนั้นๆจะชำระค่ารถยนต์เต็มจำนวนแทนคุณ หลังจากนั้นคุณก็ทำสัญญาตกลงผ่อนจ่ายเป็นรายเดือนกับสถาบันการเงินหรือบริษัทสินเชื่อเหล่านั้นแทน
ซึ่งถ้าคุณชำระเงินไม่ครบตามจำนวนงวดที่ตกลงไว้ หรือขาดการส่งยอดชำระโดยไม่ทราบสาเหตุ บริษัทสินเชื่อหรือสถาบันการเงินเหล่านั้น มีสิทธิ์ที่จะตามมายึดรถยนต์คืนจากคุณ เพราะตราบใดที่คุณยังผ่อนชำระไม่หมดตามยอดชำระเต็มราคา กรรมสิทธิ์ยังตกเป็นของผู้ให้กู้ตามกฎหมายโดยที่คุณไม่มีสิทธิ์ขัดแย้ง นอกจากจะทำการขอโอนกรรมสิทธิ์กันไปแล้วก่อนหน้านั้น
สินเชื่อรถยนต์ มีรูปแบบหลักๆอยู่สองรูปแบบ คือ 1 สินเชื่อเช่าซื้อรถ และ 2 สินเชื่อระบบไฟแนนซ์
1. สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
คือการเช่าซื้อรถยนต์ตามปกติ โดยทำสัญญาซื้อขายกับทางบริษัทสินเชื่อ ผ่านทางโชว์รูม ซึ่งทางบริษัทสินเชื่อจะเป็นคนจ่ายค่าเช่าซื้อแทนคุณให้กับทางโชว์รูม แล้วให้คุณมาผ่อนชำระกับทางบริษัทสินเชื่อด้วยตนเอง ผ่านช่องทางต่างๆตามอัตราดอกเบี้ยที่ตกลงกัน
ซึ่ง สินเชื่อรถยนต์ ในรูปแบบนี้ มีข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รถแตกต่างกันไปตามเงื่อนไข บริษัทสินเชื่อบางเจ้าอาจตั้งกำหนดเวลาโอนกรรมสิทธิ์ไว้อย่างยุติธรรม แต่บางบริษัทอาจถือกรรมสิทธิ์ไปจนกว่าคุณจะทำการผ่อนชำระใกล้หมด ซึ่งเสี่ยงมากกว่ารูปแบบแรก เพราะหากบริษัทเหล่านั้นถูกฟ้องล้มละลาย คุณก็จะพลอยสูญเสียทรัพย์สินไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
2. สินเชื่อระบบไฟแนนซ์
ก็คือการที่เรามีรถยนต์อยู่แล้ว ผ่านการผ่อนชำระจนหมดพันธะเรียบร้อยแล้ว แต่คุณมีความจำเป็นต้องใช้เงินสดจำนวนหนึ่ง จึงนำรถยนต์คันนี้เข้าไปจำนองกับบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อแลกเป็นเงินสดออกมาใช้จ่าย โดยนำรถยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน แล้วผ่อนจ่ายตามจำนวนที่ตกลงกัน
สินเชื่อรถยนต์ระบบไฟแนนซ์นี้ สามารถใช้ได้กับรถยนต์ทุกประเภท ทุกรุ่น และมีอัตราการประเมินราคาที่แตกต่างกันออกไปตามสายตาของช่าง และนายทุนในบริษัทนั้นๆ ซึ่งบางทีคุณอาจไม่ได้เต็มตามวงเงินที่ขอไป แต่ทางบริษัทประเมินให้ตามสภาพรถและอายุการใช้งาน เพื่อความยุติธรรมของทั้งสองฝ่าย
วงเงินในการอนุมัติขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละบริษัทอีกด้วย ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 75-85% ตามราคาและสภาพรถ ระยะเวลาในการผ่อนชำระก็ยาวนานพอๆกับการผ่อนรถใหม่อีกครั้งเลยทีเดียว นั่นคือ 12-72 เดือนตามกำลังของผู้กู้
การขอสินเชื่อรถยนต์หากผ่านการอนุมัติแล้ว จะมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ซึ่งหมายถึงการคิดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวตั้งแต่แรกซื้อ โดยไม่มีการทบต้นทบดอกเพิ่มในภายหลัง โดยบวกดอกเบี้ยเพิ่มเข้าไปในยอดชำระของแต่ละงวด ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนั้นาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่นสภาวะทางการตลาด สภาพคล่องทางเศรษฐกิจ สภาวะการแข่งขันระหว่างบริษัทที่อนุมัติสินเชื่อด้วยกันเอง ซึ่งทางบริษัทสินเชื่อจะคิดภาษีมูลค่าเพิ่มรวมเข้าไปด้วย 7% สำหรับรถใหม่
ส่วนรถมือสองจะถูกคิดภาษีมูลค่าเพิ่มรวมเข้าไปภายหลัง แต่สภาพการขายคล่องตัวกว่า อัตราดอกเบี้ยจึงถูกคิดในราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับรถใหม่
ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ต้องเตรียมไว้ นอกเหนือจากยอดเช่าซื้อที่รออนุมัติ มีดังนี้
1. ค่าโอนทะเบียนรถ
ค่าโอนทะเบียนรถถือเป็นค่าใช้จ่ายอันดับแรกที่ควรเตรียม นอกเหนือไปจากเงินดาวน์ เพราะทะเบียนรถถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เทียบได้กับบัตรประชาชนของเรา เพราะมีเลขกับอักษรระบุความเป็นเจ้าของไว้เพื่อความสะดวกในการติดตามทุกกรณี ซึ่งของต่างจังหวัดมักจะมีราคาสูงกว่าในกรุงเทพค่ะ
2. ค่าอากรแสตมป์
ส่วนใหญ่จะคิดค่าอากรแสตมป์ที่ 0.5%ของยอดจัดหรือราคาประเมิน ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ถือว่ามีความจำเป็นเช่นกัน เพราะถ้าไม่มีอากรแสตมป์ คุณก็ไม่สามารถขับรถออกสู่ท้องถนนทั่วไปได้
3. ค่าเบี้ยประกันภัย
มีหลายระดับให้เลือกตามความชอบและกำลังทรัพย์ของผู้เช่าซื้อ มีทั้งหมดสามระดับ แต่ละระดับก็มีการคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป ยอดเงินก็ต่างกันไปด้วย ส่วนใหญ่ทางโชว์รูมหรือไฟแนนซ์มักจะแนะนำให้เลือกทำประกันภัยชั้น 1 เนื่องจากมีการคุ้มครองค่อนข้างสูงและคุ้มค่า ในขณะที่ประกันภัยชั้นสาม จะให้ค่าใช้จ่ายเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น
4. ค่าภาษีรถยนต์
ถือเป็นรายจ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายอีกส่วนหนึ่ง และต้องมีการต่อภาษีทุกปี ไม่ใช่เฉพาะในครั้งแรกที่ซื้อมาเพียงเท่านั้น ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงพอสมควร แต่เพื่อความสบายใจแล้ว ควรชำระให้เรียบร้อยทุกปี อย่าได้ขาด
5. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ
หลังได้รับการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์แล้ว ใช่ว่าจะหมดค่าใช้จ่ายไปเลยทีเดียว เพราะในอนาคตคุณอาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆตามมาอีกเรื่อยๆ เช่นค่าดูแลรักษาสภาพ ค่าต่อภาษี ค่าปรับกรณีชำระหนี้ล่าช้า ค่าติดตามทวงถาม เป็นต้น
ขั้นตอนการเช่าซื้อและขอสินเชื่อรถยนต์
1. ผู้กู้แจ้งชื่อยี่ห้อ รุ่น ปี หรือรูปแบบรถที่ต้องการกับทางโชว์รูม ซึ่งทางโชว์รูมจะช่วยแนะนำเรื่องเตรียมเอกสารและพาไปทำเรื่องขออนุมัติกับฝ่ายสินเชื่อ
2. เมื่ออนุมัติแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือนัดเซ็นต์สัญญา เช็คสภาพรถ เก็บหลักฐาน คัดลอกเลขเครื่องบนตัวถัง หลังจากนั้นก็ผู้กู้ไปโอนทะเบียน ทำเอกสารเดินเรื่องต่างๆให้เรียบร้อยในขั้นตอนสุดท้าย
3. บริษัทสินเชื่อชำระเงินให้เจ้าของรถหรือทางโชว์รูม เพื่อทำการโอนกรรมสิทธิ์รถให้กับบริษัทสินเชื่อ โดยระบุชื่อผู้เช่าซื้อเป็นผู้ครอบครองทะเบียนรถ
ทั้งหมดนี้เป็นรายละเอียดของสินเชื่อรถยนต์ในแง่มุมต่างๆหากคุณมองว่าการเช่าซื้อเป็นเรื่องค่อนข้างยุ่งยาก คุณก็สามารถเลือกจ่ายเป็นเงินสดได้ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอื่นๆให้เป็นการสิ้นเปลือง