เงินทอง แม้จะเป็นของนอกกาย แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินคือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้ชีวิตในแต่ละวันและการดำเนินธุรกิจของเรา ๆ ในแต่ละชั่วโมงก็คือรายรับและรายจ่ายของธุรกิจทั้งนั้นค่ะ ทำอย่างไรได้หล่ะค่ะ ก็เราไม่ได้อยู่ในยุคของการบาร์เดอร์เทรดที่ใครมีมะกูดมาแลกมะนาว มีข้าวมาแลกไข่ไก่ มีผักมาแลกปลากันอีกแล้วนะคะ ข้าวของทุกอย่างต้องซื้อหามาด้วยเงิน หรือ ในยามเจ็บไข้ได้ป่วยก็ต้องใช้เงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล, ค่าหมอและค่ายาต่าง ๆ ใครมีเงินมากหน่อย รวยมากหน่อยก็มักจะได้โอกาสเลือกสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิตและคนที่เรารัก
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ใคร ๆ ก็อยากจะร่ำรวยเป็นเศรษฐีกันทุกวันที่ 1 และ วันที่ 16 ของทุก ๆ เดือน ยิ่งปัจจุบันรัฐบาลใจดีให้ลุ้นรางวัล 3 ตัวหน้าเพิ่มอีกด้วย คนธรรมดาทั่วไปก็ได้ฝันได้หวังเงินล้านกันมากขึ้น คุณ ๆ บางคนอาจจะมีคำถามในใจอยู่บ้างว่ามีวิธีไหนมั๊ยที่คนธรรมด๊า ธรรมดาอย่างเรา ๆ จะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีได้โดยไม่ต้องพึ่งฝันเลื่อนลอยจากรางวัลล็อตเตอรี่อีกต่อไป คำถามเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แบบนี้ก็น่าจะต้องไปหาคำตอบเจาะแนวคิด สร้างเงิน ของเศรษฐีระดับโลกกันดูสิคะว่าเขาคิดอ่านกันอย่างไรบ้าง จริงมั๊ยคะ
เริ่มจากแนวคิดของ 2 หนุ่มมหาเศรษฐีอย่าง ลารี่ เพจ และ เซอร์เกย์ บริน ผู้ก่อตั้งกูรูบนโลกอินเตอร์เนตอย่าง Google กันก่อนเลยดีกว่า เพราะทุกวันนี้ไม่ว่าเราจะคีย์คำถาม หรือ ต้องการค้นหาเรื่องราวใด ๆ เจ้า Search Engine อับดุลนี้ก็สามารถไขทุกข้อ ปลดทุกเงื่อนได้อย่างง่ายดาย ซึ่งแนวคิดที่ทำให้เขาทั้งสองคนร่ำรวยเป็นกอบเป็นกำนั้นก็คือ ความกล้าฉีกกฎและคิดให้แตกต่าง นั่นเองค่ะ ย้อนไปช่วงที่เขาทั้งคู่กำลังศึกษาระดับปริญญาเอกอยู่นั้น พวกเขาได้ใช้หลักการทำงานของ Search engine ที่ไม่เหมือนใคร คือ เลือกจะใช้การวิเคราะห์ตัวเลขและการเชื่อมโยงกันของลิงค์ต่าง ๆ แทนที่จะใช้แค่คีย์เวิร์ดเหมือนกับ Search engine รายอื่น ๆ และเพราะความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและสร้างความแตกต่างนั่นเองที่ทำให้ Google กลายเป็น Search engine ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานออนไลน์มาโดยตลอดอย่างยาวนานค่ะ และเป็นความสำเร็จที่สร้างเงินให้เขาทั้งคู่อย่างมหาศาลค่ะ
Frederic Legrand – COMEO / Shutterstock.com
แนวคิดพลิกโลกสร้างธุรกิจใหม่ ๆ อย่าง Facebook ของ มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ที่ทำให้เจ้าตัวก้าวขึ้นแท่นมหาเศรษฐีระดับโลกอีกคนอย่างสวยงาม แต่ใครจะรู้ว่าธุรกิจที่สร้างรายได้มหาศาลให้เขานั้น เริ่มต้นจากไอเดียฮา ๆ ที่ต้องการจะจับคู่เดทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเท่านั้นเองค่ะ โดยตอนนั้นเขาใช้ชื่อเว็บไซต์ว่า Hot or Not และได้รับประสบการณ์จากการทำเว็บครั้งนั้น ทำให้เขานำมาสานต่อว่า จะดีแค่ไหนนะ ถ้าเราสามารถติดต่อกับเพื่อน ๆ ที่เราไม่ได้เจอกันมาตั้งนานแล้วได้อีกครั้ง จุดที่เขาเริ่มตั้งคำถามนี้กับตัวเองและลงมือทำให้เทคโนโลยีช่วยเชื่อมโยงคนจากมุมต่าง ๆ ของโลกกลับมาพูดคุย, ทักทายและแลกเปลี่ยนภาพความสุขความทรงจำต่าง ๆ ด้วยกันอีกครั้ง คือที่มาของ Facebook.com หรือ Facebook ในปัจจุบันที่เราต่างก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีค่ะ สิ่งที่ทำให้มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก สามารถสร้างรายได้สูง ๆ อย่างที่เขาเองก็นึกไม่ถึงเช่นกันก็คือการไม่ปล่อยให้ไอเดียเป็นแค่ตัวหนังสือบนกระดาษ แต่จัดการลงมือทำให้เป็นจริงขึ้นมาให้ได้ คืออีกหนึ่งมุมมองของเศรษฐีที่เราควรเอาเป็นตัวอย่างและสร้างทัศนคติอย่างนี้ขึ้นมาในตัวเราเองค่ะ ถ้าคุณอยากไปให้ถึงตรงนั้นและยืนในระดับเดียวกับคนรวยจริง ๆ นะคะ ลงมือทำกันเลยค่ะ
แนวคิดสร้างโอกาสให้ตัวเองรวยขึ้น เป็นอีกหนึ่งมุมมองของมหาเศรษฐีระดับโลกอย่าง ไมเคิล บลูมเบิร์ก ชื่อฟังดูคุ้น ๆ หูบ้างหรือเปล่าค่ะ ปัจจุบัน เขาก็คือเจ้าของบริษัทสื่อการเงินที่น่าเชื่อถือที่สุดระดับโลกกันเลยทีเดียว หรือที่เราหลาย ๆ คนรู้จักกันดีในชื่อของ Bloomberg นั่นแหละค่ะ ย้อนกลับไปสมัยก่อนหน้าที่จะเปิดธุรกิจสื่อตัวนี้ขึ้นมา บลูมเบิร์กก็เป็นเพียงนักธุรกิจคนหนึ่งที่สนใจเรื่องการลงทุนและการเล่นหุ้นในวอล สตรีท ซึ่งจากจุดของความสนใจนั้น ทำให้เขาได้สังเกตและพบว่านักลงทุนทางการเงินส่วนใหญ่ล้วนเต็มใจที่จะจ่ายเงินสูง ๆ อย่างไม่ลังเลให้กับบรรดาสื่อมวลชนต่าง ๆ เพื่อแลกกับการซื้อข้อมูลทางการเงินที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้มาประกอบการตัดสินใจลงทุนของพวกเขา เมื่อปิ๊งไอเดียได้อย่างนี้แล้ว บลูมเบิร์กไม่รีรออะไรแต่ลงมือจัดตั้งบริษัทขายข้อมูลการเงินสำคัญ ๆ ผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ในทันที ทำให้ Bloomberg สามารถกอบโกยรายได้สูงกว่า 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีค่ะ และยังส่งผลให้ Bloomberg เป็นบริษัทสื่อข้อมูลการเงินที่ทรงอิทธิพลรายหนึ่งของโลกด้วยค่ะ วิธีคิดเรื่องการสร้างเงินจากงานหรือสิ่งที่ตนเองสนใจของบลูมเบิร์กนั้น น่าสนใจมากค่ะ และเขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ปล่อยให้ไอเดียเป็นแค่ความคิดใหม่ ๆ ที่ล่องลอยอยู่ในสมอง แต่เขาใช้สองมือวาดสิ่งที่คิดออกมาด้วยค่ะ หรือจะบอกว่าเขาไม่ได้เฝ้ารอโอกาส แต่เขาตะครุบโอกาสที่ผ่านเข้ามาและจัดการสร้างธุรกิจของเขาเองค่ะ ปรบมือรัว ๆ ค่ะ