มีคนจำนวนไม่น้อยที่มักบอกกับตัวเองเสมอว่า อยากประสบความสำเร็จทางธุรกิจ มีความสำเร็จในการเป็นเจ้าของบริษัทสักบริษัทหนึ่งหรือการเป็นเจ้าของกิจการสักกิจการหนึ่ง ถึงอย่างไรก็ตามมีคนจำนวนไม่น้อยจากผู้คนต่างๆเหล่านี้มักจะรอเวลาหรือรอความพร้อมให้กับตัวเอง พวกเขานั้นมักจะบอกกับตัวเองว่า รอมีเงินก่อนเพราะการทำธุรกิจนั้นล้วนใช้เงินในการลงทุนที่เยอะและถ้าเกิดปัญหาจะได้มีเงินมาช่วยเหลือธุรกิจของเราได้ รอเวลาว่าง
เพราะการทำธุรกิจนั้นคือการใช้เวลาที่มีอยู่ไปกับธุรกิจ ศึกษาสิ่งต่างๆ รวมถึงการใช้เวลาในการดูแลดังนั้นจึงต้องรอให้ตัวเองมีเวลาว่างถึงทำธุรกิจ หาเพื่อนหรือหาใครร่วมทำธุรกิจ บางครั้งถ้าเรากลัวความเด็ดเดี่ยวหรือกลัวการตัดสินใจนั้น เรามักต้องการที่ปรึกษาให้กับตัวเองหรือมีเพื่อนที่ช่วยในการตัดสินใจ ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆที่กลัวมานั้น ล้วนคือข้ออ้างของคนหลายๆคนทั้งสิ้น นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจำนวนไม่น้อยนั้น เริ่มต้นธุรกิจจากการที่ไม่มีอะไรเลยหรืออาจจะมีไม่ครบ นักธุรกิจบางคนนั้นเริ่มต้นธุรกิจถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่มีเวลา นักธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเองเพียงคนเดียวโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมทำธุรกิจ
นักธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่เริ่มต้นทำธุรกิจถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่มีเงินทุน แต่มีสิ่งหนึ่งที่นักธุรกิจทั้งหลายนั้นเลือกทำธุรกิจถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่พร้อมนั้นคือ การมองเห็นโอกาส โอกาสนั้นมักทำให้คนเราทุกคนนั้นคิดที่จะทำสิ่งต่างๆได้อย่างน่าเหลือเชื่อ บางคนยอมที่จะออกจากงานที่ได้รับผลตอบแทนที่ดีเพียงเพราะเห็นโอกาสเล็กๆ และเริ่มต้นน้อยๆ
ถึงอย่างไรก็ตาม สำหรับนักธุรกิจนั้นพวกเขาไม่มีข้ออ้างให้ตัวเอง และพร้อมจะแก้ไขสิ่งต่างๆให้ตัวเองเสมอ ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นพิชิตข้ออ้างต่างๆ เพื่อ ความสำเร็จทางธุรกิจ ได้ดังนี้
-
ข้ออ้างที่ว่า ไม่มีเวลา
มีเหล่านักธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่เริ่มต้นจากคำว่าไม่มีเวลาให้กับตัวเอง ซึ่งสิ่งต่างๆที่ทำให้ตัวเองนั้นไม่มีเวลาคือการใช้เวลาที่ฟุ่มเฟือยมากเกินไป บางครั้งการที่เข้าห้องน้ำที่นานเกินไป หรือทำสิ่งต่างๆได้ช้าเกินไปก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรานั้นใช้เวลาที่ฟุ่มเฟือย นักธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่ได้คิดถึงเวลาที่ตัวเองนั้นจะทำสิ่งต่างๆและคำนวณให้ใช้เวลาได้น้อยที่สุด หรือบางครั้งการที่เราไม่มีเวลานั้น เกิดจากการที่เราทำงานประจำหรือใช้เวลาในการพักผ่อนให้ตัวเองหลังจากทำงานอันเหน็ดเหนื่อย การที่เราทำงานประจำนั้น ถ้าพวกเขาคิดที่จะทำธุรกิจการทำงานประจำคือหาเงินไว้เป็นทุนให้กับตัวเอง ก็นับได้ว่าเป็นความคิดที่ดี แต่ถ้าพวกเขาคิดที่จะทำงานที่มากมายเพื่อที่จะเก็บเงินให้ได้ในปริมาณเยอะ ความคิดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน นั่นอาจหมายถึงการที่เราเริ่มไม่มั่นใจในธุรกิจที่เราจะสร้างเราจึงเลือกที่จะทำงานประจำแทน ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำนั้นคือการใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด เวลาช่วงไหนที่คือเวลาพัก เวลาช่วงนั้นคือเวลาที่เราควรเริ่มศึกษาและลงมือทำธุรกิจ
-
ข้ออ้างที่ว่า ไม่มีเงิน
มีสิ่งที่หนึ่งที่เราต้องทำความรู้จักไว้เสมอนั้นคือ คนทุกคนนั้นชอบความมั่นคงและแน่นอนความมั่นคงนั้นคือการที่ตัวเองมีเงินที่มากพอที่จะรองรับตัวเองเมื่อเกิดปัญหาต่างๆขึ้น เรื่องค่ารักษาพยายามบาลถ้าเราไม่มีเงินเก็บนั้น อาจจะต้องนำเงินส่วนอื่นๆมาใช้กับค่ารักษาพยาบาลและอาจจะเกิดปัญหาส่วนอื่นๆเกี่ยวกับเรื่องการเงินเราเรียกไดว่าไม่มั่นคง เรื่องอุบัติเหตุต่างๆ ถ้าเรานั้นจัดเงินให้อยู่ครบทุกส่วนโดยที่เรานั้นไม่ได้จัดเงินไว้ในส่วนของเงินเก็บเลย เมื่อเราเกิดอุบัติเหตุที่ต้องเสียเงินค่าซ่อมต่างๆก็อาจจะกระทบกับการเงินส่วนอื่นๆของบ้านได้ และสิ่งต่างๆอีกมากมายรวมไปถึงการทำธุรกิจ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการความมั่นคงให้กับธุรกิจ เมื่อธุรกิจเกิดปัญหาจะได้มีเงินจำนวนหนึ่งในการช่วยเหลือธุรกิจของเรา อย่างไรก็ตามมีสถาบันการเงินต่างๆมากมายที่พร้อมจะช่วยเหลือเราและบางครั้งการที่เราทำงานเก็บเงิน เราควรจะเก็บไว้มากพอที่จะเริ่มลงทุนธุรกิจต่างๆโดยที่ไม่จำเป็นต้องมากเกินไป
-
ไม่มีเพื่อนร่วมทำธุรกิจ
การที่เรารู้ตัวเองว่าตัวเราเองนั้นไม่สามารถที่จะเริ่มทำธุรกิจด้วยตัวเองได้และต้องการใครสักคนมาช่วยในการตัดสินใจต่างๆเกี่ยวกับธุรกิจ ไม่ถือว่าเป็นความคิดที่ผิด แต่สิ่งที่สำคัญคือเราต้องรู้ว่ามีนักธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่พวกเขานั้นแน่วแน่มากพอที่จะเริ่มทำธุรกิจด้วยตัวเองเพียงคนเดียว เพราะการที่เรานั้นคิดด้วยตัวเองเพียงคนเดียวและทำสิ่งต่างๆจากความรู้ของตัวเองเพียงคนเดียวนั้นรวมถึงการตัดสินใจสิ่งต่างๆ นับได้ว่าจะไม่มีใครที่ขัดขวางความคิดของตัวเอง และสามารถตัดปัญหาการโทษความคิดอีกฝ่ายได้ เราจะสามารถทำสิ่งต่างๆตามที่ตัวเองคิดได้อย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องรอความเห็นด้วยจากคนอื่น แต่เมื่อใดก็ตามการที่ธุรกิจของเราได้เติบโตขึ้นแล้วนั้น การที่มีเพื่อนช่วยคิดหรือการมีที่ปรึกษานั้นเป็นเรื่องที่ดีเพราะบางอย่างนั้นเราก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้นและที่ปรึกษาของเราอาจจะถนัดในการวิเคราะห์สิ่งนั้นมากกว่า