โครงการเงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด คือ โครงการดีๆจากรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือคนยากไร้ เป็นโครงการใหม่ที่เพิ่งประกาศเพื่อช่วยคนยากจนที่ตั้งครรภ์โดยมีกำหนดคลอดตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2558 – 30 กันยายน 2559 โดยเงื่อนไขคือ มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 3,000 บาท หรือ มีที่ดินทำกิน (เกษตรกร ) ไม่เกิน 1 ไร่ และต้องมีการรับรองจากท้องถิ่น เช่น ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ เป็นต้น ซึ่งจะลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2558 โดยจะได้รับเงินอุดหนุนเดือนละ 400 บาทต่อเด็ก 1 คน
ฟังดูเหมือนจะเป็นข่าวดีสำหรับคนมีรายได้น้อย ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งจะให้เหมือนกับประกันสังคม
แต่ปัญหาคือ หากเป็นคนในต่างจังหวัดคงไม่ยุ่งยากเพราะมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านดูแลอยู่แล้ว สามารถรับรองให้ได้ตามจริง แต่หากเป็นคนพลัดถิ่นที่อยู่ตามชุมชนต่างๆในเขตกรุงเทพล่ะ หรือ คนพลัดถิ่นที่อาศัยปลูกบ้านอยู่ตามใต้ทางด่วน ใต้สะพาน เขาจะได้รับสวัสดิการนี้ด้วยไหม หรือ ชุมชนต่างๆ ในเขตกรุงเทพนั้น มีหัวหน้าชุมชนดูแลหรือไม่ และ หากมีบุคคลที่เข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือ เขาจะมีใครเซ็นรับรองให้
ที่ถามแบบนี้เพราะในกรุงเทพเองก็มีประชากรที่รายได้น้อย หรือ บางคนตกงานไม่มีรายได้ ไม่มีประกันสังคม ซึ่งมีอยู่มากมายในกรุงเทพ บางคนค้าขายเล็กๆน้อยๆ และบางคนเป็นแม่ตั้งท้องแบบเลี้ยงเดี่ยวอีกต่างหาก ซึ่งหากมองว่ารัฐกำหนดรายได้ต้องไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือนนั้น ในกรุงเทพอาจมีแต่ไม่มากแต่ต่างจังหวัดมีแน่นอนซึ่งในความเป็นจริงนั้นหากขยายฐานเงินเดือนให้สูงขึ้นกว่านี้อีกสักนิดน่าจะดี เพราะบางคนนั้นเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่มีอาชีพ มีเงินรายได้แต่ไม่สูงเช่นมีรายได้ระหว่าง 5,000 -7,000 และไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม ซึ่งรายได้ขนาดนี้หลายคนคิดว่าเยอะ แต่จริงๆแล้วไม่เพียงพอกับการเลี้ยงดูเด็กทารกแน่นอน ค่าใช้จ่ายจิปาถะนั้นเยอะมากๆ หากใครมีลูกคงรู้ดี ถ้าหากขยายฐานรายได้ให้สูงขึ้นน่าจะเป็นการดีที่สามารถช่วยคนได้มากขึ้น แต่งบประมาณส่วนนี้ก็คาดว่ารัฐต้องจัดหาเป็นสวัสดิการที่จะใช้เงินนับล้านบาทเลยทีเดียว และ เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะไปลงทะเบียนรับสิทธิสวัสดิการนี้ด้วย
ซึ่งจริงๆแล้วโครงการนี้ก็มีส่วนดีที่จะได้ช่วยเหลือคนยากจน ให้ได้รับสวัสดิการอื่นๆบ้างนอกจาการรักษาด้วยโครงการ 30 บาท แต่มันก็เหมือนเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะด้วยสภาพครอบครัวที่มีรายได้น้อย การมีบุตรอาจจะกลายเป็นภาระ บางคนจนจริงๆ ก็ต้องหันมาทำอาชีพผิดกฎหมาย หรือ ก่อเหตุเหมือนที่เราเห็นตามข่าวบ่อยๆ ซึ่งภาครัฐน่าจะมีการรณรงค์คุมกำเนิด ให้ความรู้ ความเข้าใจกับประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ และ มีควรให้ความรู้เกี่ยวกับการทำหมันชาย หรือ หมันหญิง ให้กว้างขึ้น มีบริการออกหน่วยทำหมันฟรี รณรงค์ให้ประชาชนเห็นข้อดีของการทำหมัน เพราะปัจจุบันการมีลูกหนึ่งคนค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบนั้นอย่างน้อยก็ 18 ปี กว่าที่ลูกๆจะทำงานหาเงินได้ตามกฎหมายไม่ว่าจะงานประจำ หรือ พาร์ทไทม์ ค่าใช้จ่ายประเมินกันไม่ได้แต่บอกเลยว่าเลี้ยงลูก 1 คนหมดเงินเป็นล้าน บอกเลยว่าเป็นล้านจริงๆ ไม่เชื่อคุณลองจดบันทึกดูก็ได้ ตั้งแต่เกิดจนลูกทำงานได้ ไม่ว่าจนหรือรวยทุกคนจ่ายให้ลูกเหมือนๆกันเพียงแต่ไม่เท่ากัน
ดังนั้นหากภาครัฐต้องการช่วยคนยากไร้ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี การให้เงินก็เหมือนเศรษฐีให้ปลา แต่หากแนะนำให้เขารู้จักการวางแผนครอบครัว รู้จักการสร้างรายได้ การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการมีบุตร และ ควรมีกี่คนถึงจะเหมะกับสภาพเศรษฐกิจของครอบครัว แนะนำการเลี้ยงลูกให้มีคุณภาพสิ่งเหล่านี้จะเหมือน พระราชาสอนหาปลา เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าภาครัฐไม่ให้ความสนใจ แต่มันอยู่ในซอกหลืบของนโยบาย อยู่ในก้นตระกร้าที่ไม่มีใครสนใจ ทุกคนมองแต่ปัญหาที่ปลายเหตุและคิดว่าเงินคือทางออก บอกเลยว่าแบบนี้ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม เงินภาษีก็ถูกใช้ไปเรื่อยแบบไม่มีจุดหมาย สุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย