เมื่อไหร่ที่เราพูดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ นั้นจะมาพร้อมกับวิธีคิดที่จะใช้เงินอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงที่สุดนั่นเอง โดยบางทีแต่ละคนนั้นอาจจะมีไอดอลที่เป็นตัวอย่างของการใช้เงินเพื่อพาตัวเองให้ไปสู่การมีเงินที่มากพอในระดับหนึ่งก็ได้ และบางครั้งคนดังที่เป็นไอดอลของเรานั่นแหละก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของใครหลายๆ คนประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยเราจะมารู้จักกับแนวคิดของเหล่าคนดังคนหนึ่งที่มีเงินจำนวนมากแล้วก็ยังเป็น ไอดอลด้านการเงิน ของวัยรุ่นในสมัยนี้อีกด้วยจากบทสนทนาของโจอี้กับนานากันได้เลย
นานา: นี่โจอี้ทำไมช่วงนี้เธอดูยุ่งๆ จังเลย ดูท่าทางแล้วจะวุ่นมากๆ เลยนะ ดูสิไม่มีเวลาทานข้าวเลย
โจอี้: ใช่ เพราะฉันต้องทำงานอย่างหนักเลยล่ะ เพราะว่าฉันได้เงินมาก้อนหนึ่ง แล้วจะต้องใช้เงินนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจะต้องทำให้มันทำให้ฉันสุขสบายในวันข้างหน้าได้ยังไงล่ะ แล้วถึงแม้ตอนนี้ฉันจะลำบากมันก็โอเคนะ ถ้าได้แลกกับความสบายในอนาคต
นานา: โอ้โห!! ดูคิดเป็นการเป็นงาน เป็นใหญ่เป็นโตเลยน่ะเนี่ย เมื่อก่อนเธอไม่ใช่คนแบบนี้นี่ ไหนจะเอาแต่เที่ยว ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปมากเลยนะรู้ตัวหรือเปล่า? ดูเหมือนไม่ใช่เธอเลยอ่ะ
โจอี้: ก็แหงล่ะสิ ฉันเปลี่ยนไปมาก แล้วฉันก็รู้ตัว เพราะว่าฉันเป็นคนที่คิดจะเปลี่ยนตัวเอง และคิดว่าจะต้องเปลี่ยนให้ได้ จนมาถึงวันนี้ที่ฉันได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ ฉันยอมเลิกเที่ยวเลิกชีวิตที่สนุกไปวันๆ และตั้งใจว่าจะทำงานเก็บเงินเพื่อตอบแทนพ่อแม่ด้วย
นานา: แล้วอะไรที่ทำให้เธอได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากขนาดนี้ล่ะเนี่ย เพราะดูแล้วเธอไม่น่าจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ อีกอย่างเธอเปลี่ยนไปมากจริงๆ จากคนหนึ่งเป็นอีกคนหนึ่งเลยน่ะเนี่ย
โจอี้: ก็ต้นปีที่แล้วฉันได้เงินมาก้อนหนึ่ง ซึ่งเป็นก้อนสุดท้ายที่แม่ให้ฉันมา แล้วบอกกับฉันว่าแม่จะไม่ให้เงินฉันอีก ฉันเลยจะต้องเปลี่ยนตัวเอง อีกอย่างพ่อฉันก็ดุยังกับอะไรดี เพราะฉะนั้นจะให้ฉันไปขอพ่อก็คงไม่ได้ คงจะต้องพึ่งพาตัวเองซะแล้วล่ะ
นานา: ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้เธอจะต้องเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยทีเดียวเลยเหรอเนี่ย
โจอี้: มันอาจจะไม่ใช่เหตุผลเดียวหรอก เพราะมีครั้งหนึ่งที่ฉันได้ติดตามดาราคนหนึ่ง ดีเจภูมิใจ เธอรู้จักหรือเปล่าเค้าได้โพสต์ลงใน IG ของเค้าว่า “เอาเงินให้คนรวยล้านหนึ่ง อีก 10 ปี เค้าจะมีเงิน 10 ล้าน… เอาเงินให้คนจนล้านหนึ่ง อีก 10 วัน เค้าจะมี iPhone เครื่องหนึ่ง นาฬิกาเรือนหนึ่ง รถคันหนึ่ง แล้วก็หนี้สินอีกมากมาย… อยากรวยต้องใช้เงินให้เป็น… คุณล่ะ… ถ้าได้เงินมาล้านหนึ่งจะเอาไปทำอะไร…” มันเป็นสิ่งที่ตรงกับสถานะความรู้สึก และสภาพของฉันมากในตอนนั้น แล้วฉันก็นอนคิดทั้งคืนว่าฉันจะทำยังไงดีต่อไปกับชีวิตของฉัน ฉันจะเอาเงินที่แม่ให้ไปซื้อของฟุ่มเฟือยเหมือนเมื่อก่อน จะเอาแต่เที่ยวเสเพลเหมือนเมื่อก่อนก็คงไม่ได้แล้ว เพราะมันเป็นเงินก้อนสุกท้ายที่แม่จะให้ฉัน ดังนั้นฉันก็เลยคิดว่าเงินก้อนสุดท้ายนี้จะต้องนำมาเพิ่มเงินและรายได้ให้กับตัวเองจะดีกว่า
นานา: ฉันว่าคำพูดแบบนี้ก็ดูดีไปแบบหนึ่งนะ เป็นฉันฉันก็คงจะต้องกด Like ทันทีที่ได้อ่านน่ะแหละ
โจอี้: ฉันชอบคำพูดนี้มาก เพราะหลังจากคืนนั้นฉันก็คิดวางแผนในการทำงานซึ่งก็คือธุรกิจของฉันในตอนนี้ โดยที่ฉันไม่ต้องขอแม่หรือว่าพ่อเลย อีกอย่างตอนนี้ฉันก็ยุ่งวุ่นมากมายเลยล่ะ เพราะว่าฉันคิดว่าสิ้นปีนี้ฉันจะต้องได้กำไร จะต้องไม่ขาดทุนเป็นอย่างแน่นอน อีกอย่างแค่คุ้มทุนคงไม่พอแล้วล่ะ ฉันต้องการกำไรเลยล่ะ ทำอะไรฉันต้องทำให้ดีไปเลย แล้วอีกอย่างที่ดีเจภูมิพูดถึงมันเป็นเหมือนกับว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับชีวิตของเรา บางทีเราได้เงินมาก็อาจจะเอาไปใช้อย่างอื่นจนเงินหมด แต่ถ้าเรามีวิธีคิดว่าจะเอาเงินไปใช้ยังไงให้มันเพิ่มขึ้นนี่แหละ ที่ฉันกำลังคิด และทำอยู่
นานา: ดูท่าทางแล้วจะเอาจริงเอาจังเลยนะโจอี้
โจอี้: ใช่ ฉันเอาจริง แล้วฉันก็เลือกที่จะเป็นคนรวยนะ ขอลำบากตอนนี้ แล้วอีกไม่นานล่ะฉันจะได้หยุดพักแบบสบายใจได้ยังไงล่ะและฉันก็จะเป็นคนทำงานหาเลี้ยงพ่อแม่เอง ให้ท่านได้หยุดพักผ่อนบ้างเสียที ท่านคงเหนื่อยและที่ส่งเงินให้ฉันเที่ยวเสเพลมาตั้งนาน 555
นานา : ก็จริง งั้นเดี๋ยวฉันทำบ้างดีกว่าจะได้มีเงินมีรายได้เป็นของตัวเองบ้าง ขอบใจนะที่ทำให้ฉันได้ความคิดดีดีๆ บ้าง
จะเห็นว่าเดี๋ยวนี้แนวคิดของคนดังที่เป็นไอดอลในดวงใจก็เป็นตัวกระตุ้นให้คนเรารู้จักเก็บเงินและมีความหวังได้เหมือนกัน ดังนั้นใครที่กำลังท้อแท้ลองนึกถึงไอดอลสักคนและนึกถึงแนวคิดดีๆ ทางด้านการเงินของเขาดู แล้วคุณจะรู้สึกอยากออมเงินขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ ลองดูนะ