ระยะหลัง ๆ มานี้ ทั้งสื่อโฆษณาและงานอีเว้นท์ต่าง ๆ มักนำเสนอออกมาในรูปแบบของความรักและความห่วงใยภายในครอบครัวกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โฆษณาของร้านอาหารปิ้งย่างที่ได้ให้พนักงานมีช่วงเวลาความสุขกับคุณแม่และได้บอกรักแม่ก่อนที่จะถึงช่วงวันสำคัญของครอบครัว
ซึ่งกระแสของโฆษณาที่สื่อออกมาก็เป็นเรื่องที่ได้รับการพูดถึงกันไม่น้อย หรือ อย่างแบรนด์ผงปรุงรส ก็เสนอมุมมองที่ต่างกันของแม่ที่มีต่อลูกแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังห่วงใยเหมือนเดิม หรือ แม้แต่สื่อโซเชียลอย่าง LINE เองก็เคยเลือกนำเสนอการใช้งาน LINE ที่เป็นเรื่องราวของพ่อและเด็กน้อย แม้จะยังไม่ได้พิมพ์แชทเป็นตัวหนังสือแต่ก็ส่งเป็นสติ๊กเกอร์มาให้พ่อได้นั่งอมยิ้มได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี มีผู้ประกอบการหลาย ๆ รายที่ก็ยังมองว่าการตลาดแบบ Family นั้นไม่ค่อยจะมีประโยชน์เท่าไรนักและผลตอบรับนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะวัดกันได้ง่าย ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับกลยุทธ์การตลาดแบบอื่น ๆ ของคู่แข่ง
อันที่จริงแล้ว การตลาดแนวครอบครัว นั้นส่งผลดีต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก แต่ในกรณีการตลาดแบบนี้ ผู้ประกอบอย่าได้คาดหวังถึงผลกำไรเป็นตัวเลขกลับมาในทันที แต่ต้องมองให้ไกลและวางให้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดระยะยาวจากกลยุทธ์สร้างสุขแบบครอบครัวค่ะ
สิ่งที่แบรนด์สินค้าจะได้รับจากการทำ การตลาดแนว Family หรือ การตลาดแนวครอบครัว ก็คือ ภาพลักษณ์ หรือ Brand Image ที่ดีในมุมมองของผู้บริโภค
ดังนั้นแบรนด์สินค้าจะมีความโดดเด่นเรื่องการให้ความสำคัญและการส่งเสริมความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ไม่ใช่แบรนด์ที่มุ่งหวังแต่ผลกำไร หรือ เน้นยอดขายเพียงอย่างเดียว เมื่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ดีขึ้น ก็ย่อมส่งผลต่อทัศนคติเชิงบวกที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์สินค้านั้น ๆ และจะต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นความภักดีต่อแบรนด์ หรือ Brand Loyalty ให้เกิดตามมาด้วยในที่สุดค่ะ ในกรณีนี้ ตัวอย่างของร้านปิ้งย่างเป็นภาพที่ชัดเจนในความรู้สึกของผู้บริโภคแบบได้ใจไปเต็ม ๆ ค่ะ
นอกจากนี้ การตลาดแนวครอบครัว ยังช่วยเติมความรู้สึกแบบครอบครัวที่ขาดหายไปจากความเร่งรีบในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี จุดนี้เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนน่าจะเห็นได้ชัดว่าวิถีการใช้ชีวิตในปัจจุบันนั้นแตกต่างจากในอดีตเป็นอย่างมาก เราต่างก็ถูกบีบคั้นด้วยเวลา ทำให้ต้องรีบเร่งทุก ๆ วินาที จนบางครั้งก็ละเลยที่จะใส่ใจคนใกล้ชิดคนสำคัญในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน, พี่, น้อง, พ่อแม่ และ ภรรยา หลาย ๆ ครั้งเข้าก็กลายเป็นเรื่องไกลตัวและทำได้ยากขึ้นไปทุก ๆ ที ดังนั้นการเปิดกลยุทธ์ การตลาดแนวครอบครัว จึงเหมือนมาอุดช่องว่างทางความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ เราจึงได้เห็นการจัดแคมเปญการตลาดอย่างเช่น พาคุณแม่มาทานอาหาร คุณแม่ได้ทานฟรี 1 ที่, กระเช้ารังนกบอกรักวันแม่ หรือ การจัดโปรแกรมการท่องเที่ยวสำหรับคุณแม่ของสายการบินต่าง ๆ เป็นต้น ต้องยอมรับส่วนหนึ่งที่ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของแบรนด์จากแคมเปญนี้ ก็มาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค่าที่เสนอตัวเลือกที่ดีที่สุดในการมอบของให้กับคนที่เรารักและห่วงใย กลยุทธ์การตลาดแนวครอบครัวจึงเป็นการเติมความรู้สึกที่ขาดให้กับลูกค้าได้ดีมากวิธีหนึ่งค่ะ
เมื่อแบรนด์สินค้าใดเปิดตลาดด้วยกลยุทธ์ การตลาดแนวครอบครัว สิ่งที่จะได้รับกลับมาก็คือกำไรที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนยอดขายที่สูงขึ้น
นั่นเป็นเพราะว่าเทศกาลช่วงเวลาของครอบครัวนั้นเกิดขึ้นได้เกือบตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นปีใหม่, ตรุษจีน, สงกรานต์, วันครอบครัว, วันเด็ก, วันแม่ และ วันพ่อ ดังนั้นการเสนอขายสินค้า หรือ บริการก็จะมาในรูปของเซต หรือ มาเป็นชุดเป็นแพคเกจ จึงไม่ใช่ลักษณะการขายของแบบหนึ่งต่อหนึ่งเหมือนการขายสินค้าทั่ว ๆ ไป ผู้ประกอบการที่เลือกชูกลยุทธ์การตลาดแนวครอบครัวจึงขายสินค้าออกได้ครั้งละจำนวนมาก ๆ ในรอบเดียวกัน อย่างเช่น แพคเกจทัวร์ท่องเที่ยว และ กระเช้าสินค้า ซึ่งแม้แต่ตัวลูกค้าเองก็อาจจะไม่ได้สนใจเรื่องของจำนวนมากนัก เพราะให้ความสำคัญกับความรู้สึกที่จะได้ส่งความสุขให้คนรอบข้างมากกว่าค่ะ
ยิ่งสำหรับแบรนด์สินค้าที่มองความสำเร็จในระยะยาว การทำการตลาดแนวครอบครัว จะเป็นการจี้โดนจุดมาก ๆ เพราะมีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่เลือกซื้อสินค้าด้วยการอิงมาจากความทรงจำในครอบครัว เช่น เคยเห็นที่บ้านใช้ยี่ห้อนี้ ก็ซื้อแบบนี้มาใช้ต่อเป็นประจำ หรือ เมื่อตอนเป็นเด็กแม่เลือกซื้อผงซักฟอกยี่ห้อนี้มาใช้ ก็เลยเลือกซื้อของแบรนด์นี้มาใช้ตามแม่ตลอดมา ซึ่งถ้าแบรนด์สินค้าเดิมยังสามารถตอบสนองลูกค้าได้เหมือนเดิม ลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะไม่เปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นแน่นอนค่ะ กุญแจสำคัญของความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากอิทธิพลของคนใกล้ชิดอย่างคนในครอบครัว เพราะผู้บริโภคจะได้รับการปลูกฝังค่านิยมและกลายเป็นฐานลูกค้าที่มีความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) กลุ่มหนึ่งค่ะ
นับเป็นแผนการตลาดที่เหนือชั้นเหนือเมฆวิธีหนึ่งเลยหล่ะค่ะ แม้การตลาดแนวครอบครัวจะมีความน่าสนใจอยู่มาก แต่ในปัจจุบันก็ยังมีผู้เล่นจำนวนน้อยรายอยู่ ยิ่งเป็นการต่อยอดทางการตลาดให้กับรายที่เริ่มลงมือก่อนได้เป็นอย่างดี แต่ความสำเร็จของการตลาดแนวนี้จำเป็นต้องอาศัยเวลาเพิ่มมากเป็นพิเศษด้วยนะคะ