สินเชื่อแบบมีหลักประกัน เป็นไปตามชื่อกันเลย คือ เราจะต้องมีหลักประกันไปให้ธนาคาร เพื่อใช้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อร่วมกับฐานะทางการเงิน ประวัติการชำระเงิน และภาระหนี้สินของเรา โดยสินเชื่อแบบมีหลักประกันนี้จะใช้เวลาในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อนานกว่าสินเชื่อไม่มีหลักประกัน แต่จะมีดอกเบี้ยถูกกว่าสินเชื่อไม่มีหลักประกันมากกว่าครึ่งเลยที่เดียว เพราะอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อแบบมีหลักประกันจะไม่เกิน ร้อยละ 8-10 ต่อปี แล้วถ้าบางธนาคารมีโปรโมชั่นพิเศษอีกดอกเบี้ยก็อาจจะถูกกว่านี้ก็เป็นได้ เรามาทำความรู้จักสินเชื่อแบบมีหลักประกันแต่ละแบบกันดีกว่า
สินเชื่อเพื่อการอยู่อาศัย
เริ่มที่สินเชื่อเพื่อการอยู่อาศัยกันก่อนเลย เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวสำหรับคนทำงานที่อยากจะมีบ้านหรือคอนโดมีเนียมไว้เป็นของตัวเอง โดยสินเชื่อเพื่อการอยู่อาศัยนี้จะใช้บ้านหรือคอนโดเป็นหลักประกัน ซึ่งสินเชื่อประเภทนี้การอนุมัติไม่ค่อยยุ่งยากถ้าหากเป็นการซื้อบ้านหรือคอนโดในโครงการและของใหม่ เพราะบางโครงการก็เป็นลูกหนี้ของธนาคารที่เราไปขอกู้ ดังนั้นตัวธนาคารเองก็อยากจะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของตัวเองที่เป็นทั้งเจ้าของโครงการและลูกค้าที่รายย่อยแบบเรา เงื่อนไขหรือเอกสารการอนุมัติก็จะไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไร แถมยังจะได้โปรโมชั่นลดแลกแจกแถมอีกมากมายด้วย แต่ถ้าตามเงื่อนไขของธนาคารสินเชื่อเพื่อการอยู่อาศัยนี้จะเป็นสินเชื่อระยะยาวที่กำหนดไว้ไม่เกิน 30 ปี ดอกเบี้ยก็อยู่ที่ประมาณร้อยละ 4-8 ต่อปี และเป็นแบบลดต้นลดดอก คือ ถ้าเงินต้นเราน้อยลงดอกเบี้ยที่เราต้องเสียให้กับธนาคารก็จะลดลงตามไปด้วย ดังนั้นถ้าเรามีเงินเราก็อาจจะเอาไปโปะก็ได้ ก็จะทำให้เราหมดหนี้เร็วขึ้น
สินเชื่อรถยนต์
สินเชื่อแบบมีหลักประกันอีกแบบที่เราน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ก็คือ สินเชื่อรถยนต์ ที่เวลาเราอยากได้รถสักคันแต่มีเงินไม่พอ ก็เพียงแต่เดินไปหาธนาคารเพื่อขอสินเชื่อมาออกรถยนต์ใช้สักคัน อาจจะเป็นรถป้ายแดงหรือรถมือสองก็ได้ แต่เงื่อนไขและระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติอาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่สินเชื่อรถยนต์จะไม่เหมือนกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ตรงที่การคิดดอกเบี้ยนั้นจะคิดจากเงินก้อนแรกที่เราขอสินเชื่อเลย แล้วค่อยมาหารจำนวนเดือนที่เราจะผ่อน ดอกเบี้ยจะไม่ได้เป็นแบบลดต้นลดดอก เพราะฉะนั้นบางคนจึงแนะนำว่าถ้ามีสินเชื่อรถยนต์แล้วก็ไม่ต้องโปะ เพราะเราไม่ได้ประโยชน์เรื่องดอกเบี้ย เพียงแต่ต้องอดทนจ่ายเงินไปแต่ละเดือนให้ครบเท่านั้นเอง ส่วนอัตราดอกเบี้ยก็อยู่ประมาณ 3-4% ต่อปี ดูเหมือนจะน้อยนะแต่อย่าลืมว่าเค้าคิดจากเงินก้อนแรกที่เราขอสินเชื่อ
อ่านเพิ่มเติม >> รู้จัก สินเชื่อรถยนต์ ไว้ กู้ได้ไม่ยุ่งยาก <<
สินเชื่ออเนกประสงค์
ส่วนสินเชื่อแบบมีหลักประกันแบบสุดท้าย คือ สินเชื่ออเนกประสงค์ ซึ่งหลักประกันที่ใช้ก็จะเป็นบ้าน ที่ดิน รถยนต์ เงินฝากธนาคาร หรือจะเป็นทรัพย์สินอื่นๆ ตามแต่เงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ซึ่งสินเชื่อประเภทนี้เราจะต้องมีทรัพย์สินอยู่ก่อนแล้ว แต่มีความจำเป็นต้องใช้เงินอาจจะเป็นเพื่อการลงทุนค้าขาย ซ่อมแซมบ้าน หรือเอาไปใช้จ่ายกับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินอื่นๆ โดยจะต่างจากสินเชื่อบ้านและสินเชื่อรถยนต์ที่ยังไม่มีกรรมสิทธิในบ้านหรือรถยนต์แต่เราก็ไปขอสินเชื่อกับธนาคารได้ แต่สินเชื่ออเนกประสงค์นี้เราต้องมีกรรมสิทธิในทรัพย์สินนั้นอยู่ก่อนแล้ว ถึงเอาทรัพย์สินนั้นมายื่นของสินเชื่อกับธนาคารได้ ที่เราจะคุ้นชื่อก็จะเป็นประเภท เปลี่ยนบ้านเป็นเงิน เปลี่ยนรถเป็นเงิน แต่ยังมีบ้านอยู่ ยังมีรถให้ขับ โดยการพิจารณสินเชื่อก็ต้องมีการประเมินสภาพทรัพย์สินของเราก่อนว่ามีราคาประเมินเท่าไร ร่วมกับการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของเรา แล้วธนาคารถึงจะอนุมัติวงเงินให้เรา และเราก็ต้องโอนทรัพย์สินนั้นให้เป็นของธนาคาร เช่น โฉนดที่ดิน ทะเบียนรถยนต์ หรือจะเป็นสมุดเงินฝากธนาคาร ระยะเวลาในการผ่อนชำระก็จะไม่เกิน 10 ปี อัตราดอกเบี้ยก็จะประมาณ 8-12% ซึ่งก็จะแล้วแต่เงื่อนไขของธนาคาร ส่วนเงื่อนไขของการชำระเงินก็เป็นแบบลดต้นลดดอกเช่นเดียวกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
แต่ก่อนที่เราจะขอสินเชื่อกับธนาคารนั้นขอให้เราเตือนตัวเองไว้เสมอว่าสิ่งที่เรากำลังอยากได้มีความจำเป็นจริงๆ เราสามารถบังคับตัวเองให้จ่ายคืนเงินได้ทุกเดือน รวมทั้งการจ่ายเงินก้อนนั้นจะไม่เป็นภาระและสร้างปัญหาให้กับเราในภายหลังได้