คำอ้างที่ว่าหมุนเงินไม่ทัน มีภาระที่ต้องใช้จ่ายมากขึ้น จึงทำให้ไม่สามารถชำระค่าบัตรเครดิตได้ มักจะเป็นข้ออ้างของผู้ที่กำลังประสบกับภาระหนี้บัตรเครดิต ซึ่งในบางครั้งหากเราสามารถบริหารจัดการด้านการเงินได้เป็นอย่างดีก็ไม่ต้องเป็นหนี้บัตรเครดิต เนื่องจากบัตรเครดิตเป็นบัตรที่สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้หากมีวินัยในการใช้ แต่หากใช้จนเกินตัวหรือเกินความสามารถที่จะชำระคืนได้ ก็นำไปสู่โทษที่เกิดจากการใช้แบบวิธีผิดๆ และ ทางออกสำหรับผู้ที่เป็นหนี้บัตรเครดิตมักจะเลือกวิธีจัดการกับหนี้ที่เกิดขึ้นคือ การชำระไประยะหนึ่งแล้วไม่ชำระอีกเลย รอให้ศาลฟ้อง หรือชำระแบบขั้นตํ่าไปเรื่อย แม้แต่การกดเงินสดจากบัตรอีกใบเพื่อมาโปะหนี้บัตรอีกใบ ล้วนแล้วเป็นวิธีการแก้ไขหนี้แบบผิด
ทั้งนี้ การกดเงินสดจากบัตรเครดิตอีกใบออกมาเพื่อนำมาชำระหนี้บัตรอีกใบ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเท่ากับเป็นการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก ดอกเบี้ยของการกดเงินสดจากบัตรเครดิตจะสูงมากและดอกเบี้ยจะคำนวณแบบรายวันจนกว่าจะสามารถนำเงินมาชำระคืนพร้อมดอกเบี้ย ทางออกสำหรับหนี้บัตรเครดิตที่ดี คือ การขอประนอมหนี้กับทางสถาบันการเงิน หรือแม้แต่การหยิบยืมเงินสดจากคนใกล้ชิดเพื่อมาชำระน่าจะเป็นทางออกที่ดี เพราะไม่มีดอกเบี้ยแต่เป็นสัญญาใจระหว่างลูกหนี้กับผู้ที่ให้ยืม แต่หากหันไปทางไหนก็ไม่มีทางออก ลองมองทรัพย์สินที่ตนเองมี มองแล้วว่าน่าจะมีราคา ให้นำไปขาย อย่าเสียดาย เพราะการเป็นหนี้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยจะมีราคาที่ต้องจ่ายมากกว่าทรัพย์สินที่ขายไป ต้องตัดใจและหลุดพ้นจากการเป็นหนี้ก่อน จากนั้น ค่อยเริ่มต้นใหม่ แล้วหามาใหม่ได้ก็ยังไม่สาย
บทสรุปทางออกของหนี้บัตรเครดิต คงไม่มีสูตรที่สมบูรณ์แบบ เพราะภาระหนี้สินของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน บางคนสามารถเคียร์หนี้ได้ทันที บางคนต้องใช้ระยะเวลาที่นานกว่า แต่ที่อยากจะยํ้าเตือนไว้เสมอ คือ เมื่อเป็นหนี้ อย่าหนี แต่ให้เดินเข้าสู่กระบวนการปลดหนี้ โดยเริ่มต้นจากการหยุดใช้บัตรนั้นๆ และติดต่อสถาบันการเงินเพื่อขอผ่อนผันและกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนเพื่อชำระหนี้เป็นงวดๆ อย่าถ้อเพราะหนี้บัตรเครดิตก็ไม่ท้อที่จะเพิ่มดอกเบี้ยให้กับคุณ คุณต้องชนะหนี้ให้ได้ ด้วยความห่วงใยจาก MoneyHub