การหาเงินเข้ากระเป๋านั้นนอกจากต้องใช้ความรู้ความสามารถหลากหลายด้านประกอบกันแล้ว การ รักษาเงิน ให้อยู่ในที่ที่ดีก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะว่ามีกลโกงหลายแบบที่จะมาดูดเอาเงินของคนเราออกไปโดยอาศัยความโลภ ความกลัวของมนุษย์ ซึ่งบทความนี้จะเน้นมาที่ กลโกงทางโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการที่เข้าถึงกลุ่มเหยื่อได้อย่างดีที่สุด และชักจูงให้ทำการต่าง ๆ ตามที่เขาต้องการ กลุ่มคนที่ถูกหว่านล้อมให้หลงเชื่อได้ง่ายนั้นไม่จำกัดอายุ หรือเพศ เพราะว่ามีทั้งหนุ่ม สาว วัยกลางคน ผู้สูงอายุ ถูกหลอกมาแล้วทั้งนั้น
การโกงทางโทรศัพท์นั้น เกิดจากกลุ่มบุคคลที่เป็นมิจฉาชีพอาศัยโทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือในการสุ่มเบอร์โทรศัพท์และข้อมูลที่หามาได้โทรไปยังเหยื่อรายบุคคล โดยใช้คนโทรเองหรือใช้ระบบอัตโนมัติในการโทร ขั้นตอนหลักคือสร้างข่าวลวงเพื่อให้เหยื่อเกิดอาการตกใจกลัว เช่น บัญชีถูกระงับชั่วคราวโดยหน่วยงานปราบปรามการฟอกเงิน หรือ แจ้งว่าบัตรเครดิตมียอดการใช้งานผิดปกติ หรือ มียอดค้างชำระ บางครั้งจะใช้การอ้างว่าจะคืนภาษีให้หรือโทรมาแจ้งว่าโอนเงินมาผิดขอให้ช่วยโอนกลับไป ทั้งหมดนี้จะกินเวลาสั้น ๆ เพื่อไม่ให้เหยื่อตั้งสติได้ทัน โดยการหลอกในขั้นต่อไปคือการให้เหยื่อได้กดตอบรับ เช่น กด 0 หรือ กด 9 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่แล้วก็เริ่มกระบวนการชักจูงเหยื่อให้หลงเชื่อโดยหลอกให้เหยื่อไปที่ตู้กด ATM เพื่อทำรายการต่าง ๆ ตามขั้นตอนที่เขาสั่งทันที มีเหยื่อจำนวนไม่น้อยที่หลงเชื่อ หลายคนไม่รู้ภาษาอังกฤษหรือไม่เฉลียวใจก็กดตามขั้นตอนที่เขาระบุไปจนกลายเป็นโอนเงินเข้าบัญชีมิจฉาชีพในที่สุด ซึ่งก็จะเสร็จสิ้นขั้นตอนการหลอกเงิน ส่วนเทคนิคการหลอกว่าโอนเงินมาผิดนั้นหลายครั้งจะใช้ SMS ปลอมแจ้งยอดเงินโอนเข้า ถ้าไม่สังเกตจะไม่ทราบว่าเป็น SMS ปลอมมา หรือใช้วิธีนำข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อที่หามาได้ไปขอสินเชื่อทางโทรศัพท์ก็มี เมื่อตรวจสอบแล้วมีเงินโอนมาจริงเหยื่อก็เข้าใจว่าคงโอนเงินมาผิดจริง ๆ ด้วยความที่เป็นคนดีหรือไม่ทันเฉลียวใจ ก็โอนกลับไปให้มิจฉาชีพและเหยื่อก็จะกลายเป็นลูกหนี้ของสินเชื่อรายนั้นไป สาเหตุที่คนเราถูกหลอกได้ง่ายเพราะการที่กลุ่มมิจฉาชีพโทรเข้ามาถึงมือถือเราได้โดยตรงนั่นเอง และหลายครั้งรู้จักข้อมูลส่วนตัวของบุคคลนั้นอย่างละเอียด ทำให้การหว่านล้อมชักจูงต่าง ๆ ดูมีน้ำหนักมากขึ้น กลุ่มคนเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในการใช้น้ำเสียงและมีเรื่องราวในการพูดเพราะเขาพูดหลอกคนมาไม่รู้กี่พันครั้งแล้ว จึงพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติไม่ตะกุกตะกัก
ทำลาย 2 สะพานสำคัญของ กลโกงทางโทรศัพท์
จากที่อธิบายข้างต้นจะเห็นว่ามีสะพานเชื่อมอยู่ 2 ทางที่คุณสามารถจัดการได้ ทางแรกคือโทรศัพท์ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดของมิจฉาชีพ ถ้าเพียงคุณไม่คุยโทรศัพท์ต่อและวางสายไปก็จะไม่มีโอกาสถูกหลอกได้ เพราะกลุ่มคนพวกนี้จะสุ่มโทรมาเท่านั้น โอกาสที่จะย้อนกลับมาหาเบอร์โทรของคุณอีกมีน้อยมาก และถ้ามีมาใหม่ก็อาจจะเป็นเรื่องราวแบบใหม่ ๆ เท่านั้น อีกสะพานหนึ่งคือตู้ ATM ความเป็นจริงเป็นไปได้ว่าคนเราส่วนหนึ่งเกรงใจผู้ที่โทรมา จะวางสายก็ไม่กล้าพูด จะปฏิเสธก็ไม่กล้าทำ คนลักษณะนี้มีจำนวนไม่น้อย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกรณีใดใดก็ตาม อย่าพูดคุยโทรศัพท์กับใครทั้งสิ้นระหว่างการกด ATM เพราะว่าเขาจะมีวิธีการพูดให้คุณต้องกดไปตามลำดับที่เขาระบุ พึงระวังไว้เสมอว่าถ้าไม่โอนก็ไม่โดนหลอก และไม่ควรโอนเงินให้ใครโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แน่นอน สิ่งนี้ต้องฝึกความพร้อมไว้เสมอ เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะโดนโทรมาหลอกเมื่อใด ถ้าเรารู้เท่าทันกลโกงเหล่านี้ไว้ก่อนก็สามารถตัดสะพานได้ตั้งแต่แรก มีบางคนอาจจะอยากลองคุยกับมิจฉาชีพเพื่อดูเทคนิคการหลอกล่อก็แล้วแต่ความสามารถส่วนบุคคล แต่สุดท้ายก็ไม่ต้องไปโอนเงินซึ่งเท่ากับตัดสะพานที่สองทิ้งไปนั่นเอง
วิธีแก้ไขเบื้องต้นถ้าโอนเงินไปแล้ว
ต้องรีบติดต่อธนาคารให้เร็วที่สุด โดยเตรียมหมายเลขบัญชีของคุณเอง และบัญชีที่คุณโอนไปเพื่อให้ธนาคารระงับธุรกรรมของบัญชีนั้นไว้ทั้งหมดการอายัดบัญชีนี้ต้องทำให้เร็ว เพราะโดยมากมิจฉาชีพจะมีการถอนเงินออกไปในเวลาที่รวดเร็วมาก ต่อไปคือการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันและติดตามสืบจากเบอร์โทรศัพท์ที่โทรมา แต่ทั้งหมดนี้ก็ควรคาดหวังไว้ครึ่งหนึ่งเพราะโอกาสที่จะจับตัวได้ค่อนข้างยากเพราะกลุ่มมิจฉาชีพมักหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อนแล้ว เช่น การจ้างคนอื่นเปิดบัญชีธนาคารแทน หรือใช้เบอร์โทรศัพท์จากผู้อื่น
หลังจากหาเงินมาแล้วต้องคอยระวังเทคนิคกลโกงต่าง ๆ ไว้บ้าง ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะวิธีหลอกล่อทางโทรศัพท์เท่านั้น สิ่งสำคัญคืออย่าตัดสินใจอะไรเร็วเกินไป ใครโทรมาก็รับข้อมูลไว้ก่อนแล้วตั้งสติเพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปเช็คให้แน่ใจ เช่น เป็นธนาคารหรือสรรพากรโทรมาจริงหรือไม่ ควรติดตามข่าวสารความรู้รอบตัวอยู่เสมอว่าเขามีข่าวเรื่องการหลอกลวงกันอย่างไร กลโกง ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอย่างไร นอกจากนี้ควรบอกต่อให้คนรอบข้าง คุณพ่อคุณแม่ ผู้สูงอายุที่ใช้โทรศัพท์ให้รับรู้ถึงภัยสังคมเหล่านี้เพื่อจะได้รู้เท่าทันและสามารถรับมือได้ เพราะผู้สูงอายุมักจะเป็นกลุ่มคนที่ถูกหลอกได้ง่ายที่สุดเนื่องจากไม่ชินกับเทคโนโลยีหรือตู้ ATM ถ้าทุกคนช่วยกันเตือนกันทั้งครอบครัวและเพื่อนฝูง ก็จะได้ไม่มีใครถูกหลอกลวงทางโทรศัพท์เช่นนี้อีก