การขอ สินเชื่อ เพื่อลงทุนทำกิจการสักอย่างนั้นมีความเป็นไปได้มากทีเดียวที่ธนาคารจะไม่อนุมัติ เมื่อถูกปฏิเสธการขอสินเชื่อนั้น ควรหันมามองที่ตัวเราเองเสียก่อนว่า ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อของทางธนาคารหรือไม่ ดังนั้นวันนี้เรามาดูเทคนิคในการขอสินเชื่อให้ผ่านกัน และมีสิ่งใดบ้างที่ควรทำหรือไม่ควรทำในการขอสินเชื่อ
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารนั้น มันไม่ควรที่จะเกิดความผิดพลาดแม้แต่น้อยเลยนะคะ เพราะมิเช่นนั้นมันอาจไม่ผ่านการพิจารณาของเขาเลยก็ว่าได้ ทางที่ดีก่อนมที่จะมาสมัครบัตรสินเชื่อนั้นคุณมีความจำเป็นอย่างมากเลยทีเดียวที่จะต้องศึกษา กฎเกณฑ์ให้เป็นที่ชัดเจน และคุณสมบัติของการสมัครอย่าถี่ถ้วนก่อนที่จะมาทำการสมัคร เพราะหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น ทางธนาคารเองจะไม่รับพิจารณาโดยเด็ดขาดเลยนั่นเองค่ะ
สิ่งที่ควรทำ
1. สร้างประวัติทางการเงินให้สะอาด
การสร้างประวัติทางการเงินให้สะอาดเป็นการสร้างความมั่นใจและความน่าเชื่อถือในขั้นแรก ที่มีผลต่อการขอขอสินเชื่อ หากคุณมีหนี้สินติดค้างไม่ว่าจะเป็นยอดค้างชำระบัตรเครดิตที่ผลัดมาหลายเดือน ค่าผ่อนบ้าน หรือผ่อนรถยนต์ คุณต้องจัดการเคลียร์หนี้นั้นให้หมดก่อนทำการขอสินเชื่ออย่างน้อย 6 เดือน ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่าคุณไม่มีภาระหนี้สินใดๆ ให้ต้องเป็นกังวล และมีเงินพอที่จะชำระหนี้ใหม่
2. มีรายได้เข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมอ
หลักฐานที่จะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคุณคือ Statement หรือรายการเดินบัญชีที่ควรมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่ 3-6 เดือน (ตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร) พนักงานบริษัททั่วไปพิจารณาย้อนหลัง 3-6 เดือน เจ้าของกิจการพิจารณาย้อนหลัง 6 เดือน
3. รักษาเอกสารยืนยันอาชีพ
สำหรับพนักงานทั่วไป การใช้สลิปเงินเดือนตัวจริงจะทำให้มีโอกาสได้รับการอนุมัติสูง หากเป็นสำเนาต้องเห็นข้อมูลทั้งหมดชัดเจน โดยสลิปเงินเดือนต้องมีอายุไม่เกิน 90 วัน ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด หรือกรณีเป็นหนังสือรับรองเงินเดือนต้องเป็นกระดาษหัวบริษัท (ราชการเป็นตราครุฑ) มีการแจ้งวันเริ่มงาน ตำแหน่ง เงินเดือนและรายได้อื่นๆ พร้อมตราประทับ และลายเซ็นของผู้บังคับบัญชา ในกรณีเจ้าของกิจการต้องมีสำเนาหนังสือจดทะเบียนตามประเภทกิจการอายุไม่เกิน 1 ปี มายืนยันการประกอบการทำธุรกิจด้วย
การเตรียมเอกสารให้พร้อมข้อนี้สำคัญมาก ก่อนขอสินเชื่อควรศึกษาให้ดีว่าสถาบันการเงินแต่ละแห่งเรียกเอกสารใดเพื่อประกอบการพิจารณาบ้าง เช่น สลิปเงินเดือนๆล่าสุด หรือย้อนหลัง 3-6 เดือนแล้วแต่ทางสถาบันการเงินนั้นๆ กำหนด บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และหลักฐานอื่นๆ ส่วนผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการ มักต้องใช้เอกสารที่แสดงการเคลื่อนไหวของบัญชีเงินฝากอย่างน้อย 6 เดือน หลักฐานอื่นๆนั้นเป็นไปตามที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งร้องขอ
เมื่อทำได้ 3 ข้อแบบนี้แล้ว โอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อก็เพิ่มขึ้น เมื่อเรารู้แล้วว่าทำอย่างไรจึงจะขอสินเชื่อผ่าน คราวนี้เรามาดูสิ่งที่ไม่ควรทำบ้าง เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณมีความเสี่ยงที่จะได้รับการปฏิเสธจากทางธนาคาร
สิ่งที่ไม่ควรทำ
1. กรอกข้อมูลในใบสมัครไม่ครบ
ไม่ว่าคุณจะกรอกใบสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ หรือว่ากรอกใบสมัครกับสถาบันการเงินที่คุณไปขอสินเชื่อ ขอให้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่าได้กรอกข้อมูลครบถ้วนและถูกต้อง เช่น หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่บ้าน ที่อยู่ที่ทำงาน การกรอกข้อมูลไม่ครบ หรือไม่ถูกต้อง จะทำให้คุณพลาดการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ และทำให้โอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อของคุณลดลง
2. สมัครโดยไม่พร้อม
หากคุณสมัครสินเชื่อโดยที่คุณไม่พร้อม เช่น เตรียมเอกสารไม่ครบ หรือคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ จนมีผลทำให้คุณไม่ผ่านการอนุมัติ ธนาคารจะงดพิจารณาสินเชื่อไปอีกเป็นเวลา 6 เดือน ทำให้คุณไม่สามารถยื่นขอสินเชื่อใหม่ได้ในช่วงเวลาดังกล่าว
3. สมัครเพื่อเอาของแถม
การสมัครบริการทางการเงินเพื่อหวังของแถมจากรายการส่งเสริมการขายต่างๆ อาจทำให้คุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแฝง หรือดอกเบี้ยค้างชำระ ในกรณีที่ชำระขั้นต่ำในภายหลัง ซึ่งเมื่อบวกลบกันแล้วลองพิจารณาดูว่าคุ้มมั้ย กับของที่แลกมา โดยที่ของสิ่งนั้นอาจไม่ได้มีความจำเป็น หรือมีมูลค่าคุ้มกับเงินที่ต้องเสียไป
เชื่อได้เลยว่าหากคุณมีคุณสมบัติครบทุกอย่าง แต่กลับได้รับการปฏิเสธการขอสินเชื่อ นั่นเป็นเพราะนโยบายในการปล่อยสินเชื่อที่แตกต่างกันในแต่ละสถาบันการเงิน ซึ่งบางแห่งเข้มงวดมากในการตรวจสอบข้อมูลและเอกสาร และบางครั้งก็เป็นนโยบายของสถาบันการเงินเองที่จะไม่ปล่อยสินเชื่อในช่วงเวลาดังกล่าว ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจหรือเสียความมั่นใจไป หากมีคุณสมบัติและเอกสารพร้อม ลองสมัครสินเชื่อกับสถาบันการเงินอื่นดูได้