จะมีใครรู้บ้างว่า กว่าจะมาเป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังของญี่ปุ่นอย่าง Uniqlo นั้น Yanai Tadashi เจ้าของธุรกิจเสื้อผ้ายี่ห้อนี้ต้องผ่านร้อนผจญหนาวและเจอะเจอเรื่องราวอะไรกันมาบ้าง และแนวคิดเรื่อง การลงทุนทำธุรกิจ ของเขาในการที่จะปั้นให้ธุรกิจของตนเติบโตขึ้นได้นั้น ต้องอาศัยจิตใจที่มุ่งมั่น, การตัดสินใจที่เด็ดขาด และ การมองไปข้างหน้าตลอดเวลาค่ะ ปัจจุบันแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังอย่าง Uniqlo ได้ขยายสาขาไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 1,300 สาขา ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทยของเราที่ก็จัดได้ว่าประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ จนแทบไม่น่าเชื่อว่า เจ้าของธุรกิจเสื้อผ้าชื่อดังแบรนด์นี้ จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นคนที่ร่ำรวยอะไรมาตั้งแต่เด็ก ๆ หรอกนะคะ
Yanai เป็นลูกชายของเจ้าของร้านสูทเล็ก ๆ ในจังหวัดฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น เขาจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในประเทศบ้านเกิด เมื่อเรียนจบก็ไปทำงานครั้งแรกที่บริษัท Jusco แต่ก็ทำงานได้ไม่นานเพียงแค่ 10 เดือนเท่านั้น จากนั้นเขาก็กลับมาทำกิจการของที่บ้านต่อค่ะ แต่ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แค่ช่วง 10 เดือนที่ทำงานกับบริษัทอย่างจัสโก้ Yanai ก็ได้เรียนรู้วิธีบริหารจัดการคลังสินค้าและการจัดวางสินค้าให้เป็นระบบด้วยค่ะ และพยายามนำแนวคิดดี ๆ ของจัสโก้มาประยุกต์ใช้กับร้านสูทของที่บ้าน แต่พนักงานกลับรับไม่ได้และพากันลาออกไป จนสุดท้ายก็เหลือพนักงานเพียงแค่คนเดียว จากจุดเปลี่ยนนี้เองทำให้ Yanai ต้องลงมาลุยงานทุกอย่างด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็น ทำบัญชี, สั่งของ, ขายของ และทำความสะอาดร้านค่ะ จากวิกฤตครั้งนั้นทำให้เขาได้เรียนรู้ทุกขั้นตอนของงานด้วยตัวเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ส่งผลให้ร้าน Uniqlo นั้นทั้งเด็กฝึกงาน, พนักงานและผู้จัดการร้าน ทุก ๆ คนต้องสามารถทำได้ทุกลักษณะงานและรวมไปถึงทำความสะอาดร้านด้วยค่ะ
จุดพลิกผันของธุรกิจร้านสูทมาสู่ร้านเสื้อผ้าที่ใส่ได้ง่าย ๆ ใส่สบาย เกิดขึ้นจากการเดินทางไปต่างประเทศของเขา เมื่อเขาได้สังเกตจากร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ๆ อย่าง GAP, Benetton, Esprit และ Giordano ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้นว่าเสื้อผ้าสวมใส่สบาย ๆ แบบนี้ ลูกค้าสามารถเลือกซื้อได้เอง ไม่ต้องอาศัยคำแนะนำหรือเน้นเรื่องการดูแลเอาใจใส่อะไรจากทางร้านเสื้อมากมายเหมือนร้านเสื้อสูทหรูหราที่เขาขายอยู่ และการตัดสินใจซื้อเสื้อสักตัวก็ง่ายกว่ามากด้วย นั้นหมายถึงยอดขายและกำไรที่เติบโตได้ไวกว่า เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนมาเปิดร้านเสื้อผ้า Uniqlo ซึ่งก็ย่อมาจากคำว่า Unique Cloth นั่นเองค่ะ สำหรับคนทั่ว ๆ ไปคงอึ้ง ๆ ว่าช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณ 20 ปี Yanai สามารถสร้างแบรนด์เสื้อผ้า Uniqlo นี้ให้ติดตลาดทั่วโลกและครองใจผู้คนหลายเชื้อชาติ แต่สำหรับ Yanai นั้น ช่วงเวลาดังกล่าวเขาต้องผ่านบททดสอบด้านการลงทุนทำธุรกิจมาอย่างหนักหน่วงไม่น้อยเลยนะคะ เพียงแต่ว่า Yanai ใช้ทัศนคติและความมุ่งมั่นมากระตุ้นตัวเองให้ทำธุรกิจต่อ เขาเชื่อว่าถ้าเราทำธุรกิจไปสัก 10 อย่างก็ต้องมีพลาดเป้าไปบ้างล้มเหลวกันได้ 9 อย่าง แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อคุณล้มแล้ว คุณต้องลุกขึ้นให้เร็วค่ะ
ย้อนกลับไปช่วงก่อนที่จะมาเปิดร้านเสื้อผ้าสไตล์ Uniqlo นั้น Yanai เคยลงทุนทำธุรกิจเรื่องเสื้อกีฬามาก่อนค่ะ แต่ก็ต้องหยุดไปภายในช่วงเวลาไม่ถึงปีด้วยซ้ำ หรือแม้แต่ตอนที่เขาตัดสินใจขยายสาขาของร้าน Uniqlo ไปยังประเทศอังกฤษ โดยเริ่มเปิดสาขาทั้งหมด 21 สาขา แต่ว่าภายในช่วงเวลา 2 ปีเท่านั้นเอง เขาก็ต้องปรับลดจำนวนสาขาลงเหลือเพียงแค่ 5 สาขาเท่านั้นค่ะ หรือถ้าหวนกลับไปช่วงหน้านั้นอีก Yanai เคยคิดจะฉีกแนวตัวเองไปลงทุนทำธุรกิจขนส่งผักด้วยนะคะ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเลิกกิจการไปเพราะรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ค่ะ สิ่งนี้นับเป็นอีกหนึ่งวิธีคิดของ Yanai ที่น่าเอาเป็นตัวอย่างนะคะ เพราะความที่เขาไม่เคยกลัวความล้มเหลว ทำให้เขาได้เรียนรู้มากขึ้น บ่อยครั้งที่คนเราคิดว่าจะทำธุรกิจบางอย่างขึ้น หรือ อยากจะลองทำธุรกิจแบบนี้ แบบนั้น แต่ก็เพียงคิดอย่างเดียว ซึ่งมันไม่มีทางที่กิจการของคุณจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ด้วยความคิดหรอกค่ะ การลงมือทำและการวิเคราะห์ศึกษาติดตามธุรกิจที่เราสนใจต่างหากที่จะเป็นกุญแจไขประตูสู่ความสำเร็จ อย่างที่ Yanai เคยกล่าวไว้ว่า “ก่อนเริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ ใด ๆ ก็ตาม ผมจะมองเห็นเป้าหมาย เห็นปลายทางแล้วว่าธุรกิจนี้น่าจะเป็นแบบไหน ถ้าธุรกิจนั้นดูท่าจะไปไม่ถึงฝั่ง ไม่เป็นไปตามเป้าก็รีบถอนตัวแต่เนิ่น ๆ” นั่นก็คือเหตุผลที่แบรนด์เสื้อผ้า Uniqlo ชอบทำอะไรใหม่ ๆ และที่สะท้อนได้ชัดเจนถึงความเป็นตัวตนของ Yanai ก็คือการไม่กลัวความล้มเหลว ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติของผู้ที่ประสบความสำเร็จค่ะ
แนวคิดเรื่องการต่อยอดเงินของ Yanai สอนเราว่า เมื่อใดที่เส้นทางที่จะเดินต่อไปนั้นเราเห็นชัด ๆ ว่าเป็นทางตัน ก็อย่าฝืนเดินต่อไป แต่จงเลือกที่จะกลับหันหลัง ยูเทิร์น แล้วมองหาเส้นทางสร้างเงินแบบใหม่ที่ใช่ ที่ตรงกับคุณ ๆ มากกว่าค่ะ เพราะแม้แต่ชายคนนี้ที่รวยสุด ๆ ในญี่ปุ่นอย่าง Yanai เขาเองก็เคยล้มเคยพลาดมาก่อน ถ้าอย่างนั้น ทำไมคุณไม่ลองนำคติในการพิชิตความสำเร็จของ Yanai ที่ว่า “คนเราชนะ 1 แพ้ 9 นั้นเป็นเรื่องธรรมดา” ขอเพียงคุณยังคงตั้งมั่น มุ่งเดินต่อไป สักวันเงินและกำลังต่าง ๆ ที่ลงทุนไปก็จะออกดอกออกผลมาให้ชื่นชมชื่นใจแน่ ๆ ค่ะ