ความล้มเหลวทางการเงิน เป็นสิ่งที่หลายๆคนคงเคยพบเจอมาบ้างแล้วในชีวิตประจำวันทั่วๆไป และไม่แค่พวกเราคนธรรมดาเท่านั้นที่สามารถประสบพบเจอได้ แม้แต่ เศรษฐีหรือดาราทั้งหลายก็อาจผิดพลาดทางการเงินได้เช่นกัน หลายๆครั้งด้วยซ้ำที่มีคนดังเหล่านี้ผิดพลาดทางการเงินซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนสุดท้ายก็กลายเป็นบุคคลล้มละลายไปในที่สุด
ลองคิดดูสิคะว่าพวกคนดังยังมีความผิดพลาดและล้มละลายทางด้านการเงินได้ แล้วคนธรรมดาอย่างเราๆ ล่ะ จะไม่มีโอกาสล้มละลายเลยหรอ ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้ว ว่าหากเราไม่รู้จักจัดการกับปัญหาทางด้านการเงินให้ดี เราก็อาจจะเจอกับจุดจบทางการเงินแบบนี้เช่นกัน
สาเหตุที่สำคัญของ ความล้มเหลวทางการเงิน ของคนดังนั้นก็มักจะเกิดจากการใช้เงินไม่เป็นนั่นเอง ไม่ว่าจะมีเงินมากแค่ไหนแต่ถ้าไม่สามารถใช้เงินอย่างฉลาดก็มีสิทธิ์จนได้เช่นกัน เพราะอย่าลืมว่ามูลค่าของเงินนั้นมันลดลงทุกปีหากนำเงินไปใช้ผิดที่ผิดเวลาแล้วล่ะก็เตรียมตัวไว้ได้เลย และในวันนี้เราจะมาลองยกตัวอย่างความล้มเหลวทางการเงินของคนดังกันว่าใครบ้างที่มีความล้มเหลวแบบนี้เกิดขึ้น และมันเกิดขึ้นเพราะอะไร คนดังที่เราจะพูดถึงก็คือ เจนิซ ดิกคินสัน นั่นเอง เชื่อว่าหลายคนก้คงจะรู้จักเขาเป็นอย่างดี และคงจะเคยได้ยินข่าวการล้มเหลวทางด้านการเงินของเขามาบ้างจริงไหม
หากใครติดตามวงการแฟชั่นหรือรายการแฟชั่นต่างๆมาบ้างน่าจะเคยได้ยินชื่อ เจนิซ ดิกคินสัน มาบ้างแน่นอน เพราะนอกจากเธอจะเป็นนางแบบสาวชื่อดังของโลกและอยู่ในวงการนี้มานานมากๆแล้ว แต่สุดท้ายอยู่ๆเธอก็ก้าวเท้ามาถึงจุดที่มีความล้มเหลวทางการเงินเฉยๆเสียอย่างนั้น หลังจากสาวเจนิซ ดิกคินสันในวัย 58 ปีถูกฟ้องล้มละลายไปในมูลค่าเป็นล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา และยังมีหนี้สินกับคลินิกทำศัลยกรรมอีกกว่า 5 แสนบาทเลยทีเดียว ซึ่งดูจากความสำเร็จในอาชีพของเธอแล้ว เธอไม่น่าจะมาถึงจุดๆนี้ได้เลย แต่นั่นเป็นเพราะอะไรกันนะ
สาเหตุของ ความล้มเหลวทางการเงิน ในครั้งนี้ส่วนใหญ่มาจากการที่เธอค้างภาษีกับทางรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐนิวยอร์กมานานกว่า 10 ปีได้แล้ว และแน่นอนว่าคนระดับซูเปอร์โมเดลนั้น รายได้จากการทำสัญญาแต่ละครั้งนั้นไม่ต่ำกว่า 1 แสนเหรียญสหรัฐอเมริกาแน่นอน และสัปดาห์ๆหนึ่งเธออาจจะทำสัญญาได้หลายตัวเสียด้วย(ในช่วงที่เธอยังคงมีงานเข้าอย่างต่อเนื่อง) หากคิดเป็นภาษีต่อปีก็คงเยอะมากๆ แต่นี่ค้างภาษีมากว่า 10 ปีแถมค้างกับ 2 รัฐเลยทีเดียว ไม่จ่ายภาษีเลยแบบนี้ก็ทำให้เฉพาะหนี้ภาษีของเธอนั้นคิดเป็น 5 แสนเหรียญสหรัฐอเมริกา(คิดเป็นเงินก็ประมาณ 15 ล้านบาทต้นๆแน่นอน) ไหนจะหนี้สินจากการลงทุนต่างๆ และหนี้สินจากการเสพติดศัลยกรรมของเธอที่ทำให้หนี้สินของเธอนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
จนสุดท้ายก็ถูกฟ้องล้มละลายไปในที่สุดนั่นเอง ซึ่งนี่ก็แสดงให้เห็นว่าผลกระทบจากการหนีภาษีนั้นมันโหดร้ายกว่าที่คุณคิดมาก เพราะฉะนั้นใครที่ไม่อยากเกิดปัญหาทางด้านการเงินแบบนี้ ก็ไม่ควรหลีกเลี่ยงภาษีนะ ทางที่ดีจ่ายภาษีให้ครบตามกำหนดเวลาเป็นประจำทุกปีจะดีกว่า
แน่นอนว่าหนี้อีกส่วนที่น่าสนใจก็คือ หนี้ของคลินิกศัลยกรรมนั่นเอง เธอนำเงินเพื่อการทำศัลยกรรมเพื่อทำให้ของเธอดูสวยใสเยาว์วัยตลอดและค่อนข้างมากทีเดียว ซึ่งทำนอกจากหนี้สินที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆแล้ว ยังรวมไปถึงภาวการณ์เสพติดศัลยกรรมที่มากขึ้นและสุดท้ายก็เป็นหนี้เพราะหยุดตัวเองไม่ได้นั่นเอง สุดท้ายการถูกฟ้องล้มละลายจึงเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้เธอสามารถเอาชีวิตรอดต่อไปได้ เพราะอยากน้อยก็ซื้อใจผู้บริโภคได้ และมีความสะดวกสบายมากขึ้นด้วย หนี้ส่วนไหนที่ทำการประนีประนอมได้ก็ทำการพูดคุยเสียเพื่อทำให้การใช้หนี้ของเรานั้นมีหนทางที่แน่ชัดมากขึ้น และพวกสถาบันทางการเงินที่ให้เราเชื่อไว้ก่อนอย่างน้อยก็จะทำการลดหย่อนเงินต้นของหนี้เราลงมาให้นั่นเอง เรียกว่าอย่างน้อยๆก็เอาเงินคืนนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าปัญหาของสาวเจนิซ ดิกคินสันนี้เกิดมาจากการไม่ชำระหนี้สินตามกฎหมายกำหนด ดังนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือการที่เธอมีหนี้สินสะสมเยอะมากและมันก็เพิ่มขึ้นตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีจนนำมาสู่การถูกฟ้องล้มละลายเนื่องจากไม่มีเงินจ่ายในที่สุดนั่นเอง และนี้คือตัวอย่างความล้มเหลวทางการเงินของคนดังที่เรานำมาฝากกัน อย่าคิดว่าการได้เป็นคนดังมีรายได้เป็นหลักแสนแล้ว จะไม่มีปัญหาทางการเงินนะคะ เพราะหากไม่รู้จักใช้เงินให้เป็นและทำตัวต่อรองกับกฏหมายล่ะก็ จุดจบก็คือการล้มละลายทางการเงินดีๆ นี่เอง ใครที่ไม่อยากเจอปัญหาแบบนี้ก็ต้องพิจารณาตัวเองกันแล้วล่ะ ว่าเข้าข่ายหนีภาษีหรือเริ่มเป็นหนี้กันบ้างหรือยัง
เห็นไหมว่าขนาดคนดังอย่าง เจนิซ ดิกคินสัน ยังเจอกับปัญหาการเงินจนถึงขั้นล้มละลาย แล้วคนธรรมดาอย่างเราๆ จะไม่เจอกับปัญหาเหล่านี้หรอ อย่ารอให้สายเกินไป เรามาวางแผนการเงินในชีวิตเพื่ออนาคตที่ดีกันดีกว่า โดยเฉพาะชีวิตวัยเกษียณ คงไม่มีใครที่อยากจะมีชีวิตวัยเกษียณที่ย่ำแย่หรอกจริงไหม