การลงทุนไม่ใช่เรื่องยากถ้าหากเราตั้งใจจะทำจริงๆ แต่ถ้าเรามีทริคเล็กจากคนที่รู้เรื่องการลงทุนมาก่อนก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการไปลองผิดลองถูกเองใช่หรือไม่ ดังนั้นเราลองมาดูกันดีกว่าว่านักธุรกิจแบบคุณเก่ง เขา ลงทุนอย่างไร จะมีทริคอะไรมาบอกต่อกันบ้าง
กล้า : สวัสดีครับคุณเก่ง ผมชื่อกล้า เป็นนักข่าวที่มาขอสัมภาษณ์เรื่องคิดและ ลงทุนอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จ จากนิตยสาร x ครับ
เก่ง : สวัสดีครับเชิญนั่งเลยครับ อยากทานของว่างก่อนไหมครับหรืออยากจะเริ่มเลยครับ
กล้า : เริ่มเลยก็ได้ครับ ผมกลัวรบกวนเวลาคุณเก่ง ยังไงก็ขอขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติมาให้สัมภาษณ์ในวันนี้
เก่ง : ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจแล้วก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นได้จริงๆนะครับ ผมเตรียมเป็นเหมือนแนวคิดไว้ให้นะครับ ไม่แน่ใจว่าโอเคไหมยังไงก็สอบถามเพิ่มเติมได้นะครับ
กล้า : ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอเริ่มเลยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเก่งมีแนวคิดอย่างไรถึงทำให้ธุรกิจของคุณเก่งประสบความสำเร็จได้ในเวลาไม่ถึง 10 ปีได้อย่างนี้ครับ
เก่ง : ครับ ต้องบอกก่อนเลยครับว่า
การทำธุรกิจนั้นเราจะมาหวังผลกำไรในระยะสั้นๆไม่ได้หรอกนะครับ ถ้าเราอยากจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้นเราต้องคิดตลอดเวลาว่าทำอย่างไร มันถึงจะดี ลูกค้าถึงจะชอบและที่สำคัญคือต้องมีจุดขายที่แข็งแกร่ง อาจจะแตกต่างไปจากคนอื่นหรือมีมาตรฐานเหนือคนอื่นก็ได้ทั้งนั้น แต่ต้องไม่ซ้ำกับคนอื่นและที่สำคัญจะต้องไม่ซ้ำซากจำเจด้วย อ้อ! อย่าลืมเล็งไปที่กลุ่มลูกค้าด้วยนะครับ ว่าลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการอย่างไร
กล้า : อย่างนี้จะหมายความว่าเราต้องลงทุนโดยไม่หวังผลกำไรหรอครับ
เก่ง : หวังสิครับ แต่การลงทุนในช่วงแรก เหมือนเป็นช่วงที่เราหัดเดินนั่นแหล่ะครับ กว่าเราจะเริ่มยืนได้ กว่าเราจะเริ่มเคลื่อนที่ไปได้อย่างแข็งแกร่ง มันต้องใช้เวลา ดังนั้นที่ผมบอกว่าเราจะมาหวังผลกำไรในระยะสั้นๆไม่ได้ นั่นเพราะในช่วงแรกของการลงทุนเราต้องไปเน้นไปที่การดำเนินไปของธุรกิจก่อนนั่นคือการให้ความสำคัญกับเงินหมุนเวียนเป็นหลัก แต่ถ้ามีกำไรก็คือกำไรนั่นแหล่ะ แต่ก็ต้องเป็นกำไรที่เหลือจากการหักต้นทุนทั้งหมดที่เราลงทุนไปแล้วด้วย
แล้วในส่วนที่ผมบอกว่าถ้าเราอยากจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้นเราต้องคิดตลอดเวลาว่าทำอย่างไร มันถึงจะดี ลูกค้าถึงจะชอบ จุดสำคัญของเรื่องนี้ก็คือต้องมีจุดขายที่แข็งแกร่งนั่นเอง เหมือนกับเป็นจุดที่พูดขึ้นมาว่าคำๆนี้ต้องเป็นเราเท่านั้น และอย่าลืมทำชื่อของเราติดตลาดลูกค้าด้วย แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องไม่ทำอะไรเกินตัว เพื่อไม่ให้ทุนลงไปจมตรงนั้น เช่น เราผลิตสินค้าที่มีคนซื้อต่อวัน 100 คน เราก็ควรลงทุนให้มีกำลังผลิตมากกว่า 100 เล็กน้อยไม่ใช่ไปลงทุนที่ 1000 เพราะมันทำให้เราใช้เงินจมไปโดยใช่เหตุ แถมทำให้เราคืนทุนได้ช้าอีกด้วย ก็คือจะต้องสำรวจความต้องการของกลุ่มลูกค้าก่อนนั่นเองและเริ่มจากน้อยไปมาก
กล้า : คำว่าจุดขายที่แข็งแกร่งนี่พอจะขยายความได้มากกว่านี้ไหมครับ รบกวนอธิบายหน่อย
เก่ง : นอกจากจะสร้างภาพลักษณ์หรือคำที่ทำให้นึกถึงเราได้แล้ว เรื่องคุณภาพก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะแน่นอนสินค้าดีๆใครเขาก็บอกต่อกัน ดังนั้นเรื่องคุณภาพของสินค้าก็เป็นจุดแข็งได้ และอาจจะรวมไปถึงเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่จำง่ายอะไรพวกนี้ด้วย อีกอย่างก็คือประโยชน์ สินค้าที่มีประโยชน์ที่ชัดเจนหรือหลากหลายจะทำให้คนกลับมาใช้งานได้มากกว่าสินค้าที่ไม่ค่อยมีประโยชน์หรือมีแต่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้นั่นเอง ดังนั้นผมจะเน้นสินค้าทุกชิ้นที่คุณภาพเป็นหลัก เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่มีคุณภาพมากที่สุด
กล้า : แล้วตอนที่คุณเก่งเริ่มผลิตสินค้าออกมาขายนี่ คุณเก่งทำอย่างไรให้สินค้าติดตลาดหรอครับ
เก่ง : ผมเริ่มจากการขายตรงครับ เรามีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แน่นอนอยู่แล้ว เราก็ต้องเริ่มเข้าหาลูกค้าก่อน แรกๆก็เป็นการให้ข้อมูลไปก่อนเผื่อเขาสนใจ แล้วก็แวะไปบ่อยๆสังเกตความต้องการของลูกค้าดีๆ กลับมาปรับปรุงแล้วก็กลับไปขายตรงอีก พอเริ่มขายได้ ลูกค้าเริ่มติดสินค้าก็ขยับมาเปิดหน้าร้านพร้อมกับการส่งสินค้าไปด้วยนั่นเอง สินค้าอะไรที่ออกมาใหม่ก็เอาไปให้ลองใช้ก่อน อาจจะฟรีบ้างก่อนวางขายจริงๆ และเรายังสำรวจตลาดได้ด้วยว่าน่าจะขายได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งวิธีนี้เราก็สามารถสร้างกลุ่มลูกค้าไว้ก่อนล่วงหน้าได้ด้วย
กล้า : อืม ถือเป็นเรื่องราวที่สนใจนะครับ ถ้างั้นผมขอไปที่เรื่องส่วนตัวกันบ้างนะครับ
และนี่คือแนวคิดในเรื่องของการลงทุนของคุณเก่ง ที่ทำให้ธุรกิจของเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 ปี ซึ่งก็นำไปเป็นข้อคิดให้กับหลายคนที่กำลังต้องการจะลงทุนหรือทำธุรกิจของตัวเองมากทีเดียว หรือใครที่ล้มละลายจากการทำธุรกิจ ก็ลองนำแนวคิดนี้ไปเริ่มต้นลงทุนใหม่ดู แล้วธุรกิจของคุณจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยากแน่นอน