มันถึงเวลาแล้วหรือที่เราจะเรียกตัวเองว่า ซิงเกิ้ลมัม ฟังดูแล้วมันรู้สึกท้อใจไม่น้อยเหมือนกันที่เราจะต้องมาแบกรับภาระอันใหญ่นี้ แต่จะให้ทำอย่างไรได้เพราะเราได้เป็นผู้ถูกเลือกแล้ว พอมาถึงตอนนี้ผู้หญิงหลายคนคงทำใจได้แล้วกับการเสียคนรักไปของสามี ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ เช่น เกิดอุบัติเหตุกับคนรัก การไม่เข้าใจกันทำให้ต้องหย่าร้างเลิกกันไป ซึ่งแต่ละกรณีก็จะแบ่งแยกความรู้สึกที่แตกต่างกัน เช่น เกิดอุบัติเหตุกับคนรักจึงทำให้คุณเป็น ซิงเกิ้ลมัม ทันทีในขณะท่านกำลังมีลูกน้อย ความรู้สึกนี้อาจจะทำให้รู้สึกว่าชีวิตคู่ของเราทำบุญด้วยกันมาเพียงแค่นี้ และทำใจยอมรับมันด้วยความคิดถึงและห่วงหากับการจากไปอย่างสุดเศร้า
แต่ในกรณีการจากไปของสามีด้วยการไม่เข้าใจกันด้วยการหย่าร้างกันไป แน่นอนคุณก็ต้องเป็น ซิงเกิ้ลมัม แน่นอนในขณะที่คุณมีลูกอยู่ด้วย ในความรู้สึกนี้ผู้หญิงหลายคน อาจมองผู้ชายในแง่ลบไปเลย ไม่อยากจะเปิดใจรับใครอีกที่เข้ามา เพราะเขาได้ทิ้งภาระและความรู้สึกไม่ดีเอาไว้ใจเรื่อยมา แน่นอนคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้กับความรู้สึกต่างๆนานาที่เรากำลังมีอยู่นี้ แต่เมื่อเหตุการณ์ได้ผ่านไปแล้ว เราจะมานั่งโทษสิ่งอื่นๆอยู่ไม่ได้ตลอดไป ปล่อยให้ความรู้สึกแย่ๆนั้นเป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่เราจะต้องทำตอนนี้คือ เข้มแข็ง ความมุ่งมั่น ก้าวเดินไปข้างหน้าให้ได้ โดยทิ้งเสียความซึมเศร้าความท้อแท้ที่ไม่สามารถหวงกลับมาให้แก้ไขได้
สวัสดีค่ะ สำหรับท่านผู้หญิงที่กำลังประสบปัญหาอยู่แบบนี้ เราก็ขอเป็นแรงและกำลังจะให้ท่านก้าวเดินต่อไป
หลายคนบอกว่าไม่มีแรงและกำลังใจแล้วที่จะก้าวเดิน คุณจะพูดแบบนี้ไม่ได้ที่บอกว่าไม่มีกำลังใจ ก็เพราะว่าลูกน้อยของคุณอย่างไงละที่เป็นกำลังใจให้คุณตลอด ไม่ว่าคุณจะเหนื่อยสักแต่ไหนลูกน้อยก็จะอยู่ข้างคุณตลอดไป
หากคุณกำลังท้อก็ขอให้หันมามองหน้าลูกน้อยของคุณแล้วก้มลงไปหอมแก้มทั้งสองข้างอย่างเบาๆ แล้วคุณจะได้รับรู้ถึงกำลังใจและพลังอันยิ่งใหญ่ซึมซาบไปทั่วร่างกาย เมื่อคุณมีกำลังใจดีพอแล้วเราก็หันมาเอาใจใส่ในเรื่องต่อไปกันเลยกับชีวิตประจำวันของเรา ก็คือ
1. บอกถึงความจริง
การบอกถึงความจริงก็คือ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้หากลูกคุณเติบใหญ่ แน่นอนคงไม่พ้นกับคำถามที่ลูกคุณมักถามกับตัวคุณว่า แม่จ๋า พ่อหนูไปไหน เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้แล้ว แน่นอนคุณอาจจะทำให้ความรู้สึกถึงความหลังได้กลับมาและเกิดอารมณ์ไม่ดี เกิดความรำคาญ แต่คุณอย่าบอกลูกไปว่า พ่อไปทำงาน หรือพ่อกำลังยุ่งอยู่ นั้นไม่ใช่หนทางของความจริง ยิ่งคุณพูดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ลูกคุณเกิดความอยากรู้มากขึ้น และเป็นปัญหาคาใจของเขาต่อไป คุณจงบอกความจริงไปว่า โดยการบอกลูกให้เข้าใจแต่ไม่ให้ความรุนแรงมากเกินไป โดยเช่น อาจจะบอกว่าพ่อกับแม่ถึงจะแยกทางกันแต่พ่อกับแม่ก็รักลูกเหมือนกัน
2. จัดการภาระที่มีอยู่
การจัดการกับภาระที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่เราต้องแบกรับเอาไว้ การใช้จ่ายเราก็ต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ อาจจะมีการทำบัญชีจดบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างจริงจัง เพื่อหลีกเลี่ยงกับค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้เงินนั้นเหลือเก็บบ้างเพื่ออนาคตของลูกเรา
3. ดูแลตนเองบ้าง
การดูแลตนเองก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ เราไม่เพียงต้องดูแลลูกเราเท่านั้น เราจำเป็นต้องดูแลตนเองด้วย เพื่อสุขภาพร่างกายของเราเอง อาจจะไปออกกำลังกายบ้าง เช่น เล่นโยคะ นั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบผ่อนคลาย วิธีแบบนี้จะทำให้เรามีสติมากขึ้นและรู้จักการแก้ปัญหาอื่นๆได้ด้วยสติดีกว่าอารมณ์
4. หาตัวช่วย
การหาตัวช่วย อาจจะเป็นการไปหาคนช่วยเลี้ยงเด็กบ้างเพื่อเราจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ เช่น เพื่อน ญาติ หรืออาจะเป็น ซิงเกิ้ลมัม ด้วยกัน ว่างๆก็ไปเล่นบ้านเขาบ้าง แล้วก็นั่งพูดคุยกัน แต่ไม่ใช่พูดคุยเรื่องที่ผ่านมา แต่ให้คุยเรื่องที่เพลิดเพลินสนุก ๆหรืออาจจะช่วยกันทำกิจกรรมให้ลูกได้เล่นกัน
5. รับมือกับอนาคตลูก
การรับมือกับอนาคตของลูกเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก อย่าบอกว่าลูกเรายังเล็ก ข้อนี้เดียวค่อยคิดเพราะว่าหากเราไม่เริ่มตอนนี้ ต่อไปเราจะลำบาก อาจทำให้หลงลืมและลืมไปในที่สุด การรับมือกับอนาคตคือการออม การออมเงินเพื่ออนาคตอันสดใสของเขาเอง อาจจะเป็นทุนการศึกษาของลูกเรา หรือจะเป็นเสื้อผ้าอาหารการกินที่เตรียมพร้อมให้ลูกเราสมบูรณ์แบบ
จากข้างต้นก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะสามารถทำให้เรามีกำลังใจและพร้อมกับรับมือในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นแล้วได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยที่นำมาฝากกัน เมื่อท่านเป็น ซิงเกิ้ลมัม ที่เข้มแข็งพอแล้ว อย่ากลัวที่จะไปช่วยเหลือคนที่ประสบปัญหาแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำหรือช่วยเหลือเพราะว่าการทำแบบนี้ก็ส่งผลทำให้เราเก่งมากขึ้นพร้อมที่จะให้คำปรึกษากับคนอื่นๆได้ นั้นก็เป็นผลต่อจิตใจเราเหมือนกัน และเราก็สามารถพูดได้เต็มปากว่าเราสามารถเลี้ยงลูกได้ด้วยลำแข้งของเราเอง