รถยนต์ อีกหนึ่งยานพาหนะที่ใคร ๆ ก็อยากจะเป็นเจ้าของเพราะจะได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของเรา ๆ ทุกคนค่ะ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่นิยมรถยนต์หรู ๆ เพราะมองว่าเป็นเหมือนเครื่องหมายบ่งบอกสถานะทางการเงินที่ดีในเวลานั้น และไม่ว่าคุณจะ ซื้อรถใหม่ สักคันด้วยเหตุผลอะไร ถ้าเราพูดถึงรถมันก็จะมีเรื่องเกี่ยวกับเงิน ๆ มาเกี่ยวเสมอนั่นแหละค่ะ
และเรื่องเงินที่คุณควรรู้เอาไว้ก่อนที่จะถอยรถคันใหม่ออกมาสักคันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคำถามคาใจว่า “ควรซื้อรถแบบเงินผ่อน หรือ จ่ายเงินสดดีกว่ากัน” หรือ “คำถามกวนใจอย่างดาวน์น้อย ๆ ผ่อนนิด ๆ แต่นาน ๆ หรือจะเลือก ดาวน์หนัก ๆ ผ่อนเบา ๆ ช่วงสั้น ๆ จะดีกว่ามั๊ย” เรื่องนี้มีคำตอบค่ะ
สำหรับโจทย์คาใจใครต่อใครมานานแล้ว อย่างเรื่องซื้อรถสักคันควรซื้อแบบจ่ายเงินสด หรือ จะซื้อแบบเงินผ่อนดีกว่ากันนั้น ก็คงจะต้องดูที่กำลังความพร้อมทางทุนทรัพย์ประกอบกันไปด้วย เพราะรถยนต์คันหนึ่งราคาก็ไม่ใช่หลักพันหลักหมื่นคะ แต่เป็นหลักหลาย ๆ แสน ดังนั้นถ้าคุณมีเงินก้อนที่ฝากไว้ในบัญชีธนาคารแบบออมทรัพย์เฉย ๆ เป็นเงินก้อนที่ออมไว้แต่ไม่ใช่เงินก้อนสำหรับเรื่องฉุกเฉินนะคะ ถ้ามีเงินเก็บลักษณะนี้อยู่ก็เบิกถอนออกมาซื้อรถได้ค่ะ เพราะดอกเบี้ยก็ไม่ได้มากมายอะไร และ ดีกว่าที่จะไปกู้เงินมาเสียดอกเบี้ยจ่ายธนาคารเขาให้วุ่นวายค่ะ
ส่วนคุณ ๆ ที่ยังไม่มีเงินก้อนแต่มีความจำเป็นต้องซื้อรถหล่ะก็ ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเลือกแบบดาวน์น้อย ผ่อนเบา ๆ เวลานาน ๆ หรือ ดาวน์มาก ผ่อนหนัก ๆ เวลานิด ๆ ดีกว่ากัน ขอบอกเลยค่ะ ว่า โปรโมชั่นที่ออกมาจูงใจคนที่มีรายได้น้อยด้วยการวางเงินดาวน์เล็กน้อย และข้อเสนอผ่อนเบา ๆ แต่กินเวลานาน ๆ นั้น ถ้าเรากางดอกเบี้ยทั้งหมดที่เราจะต้องเสียให้ธนาคารออกมาดูก็จะรู้ว่าดอกเบี้ยเท่ากับครึ่งหนึ่งของราคารถเลยหล่ะค่ะ มันน่าเสียดายเงินนะคะ ว่ามั๊ย ทีนี้ ถ้าคุณยังไม่ได้ตกลงใจว่าจะผ่อนแบบไหน ก็ขอแนะนำให้เลือกสถาบันการเงินที่เขาให้ข้อเสนอ วางเงินดาวน์สูงขึ้นมาหน่อย และดูเรื่องของระยะเวลาผ่อน กับ ยอดเงินที่จะต้องผ่อนให้ดี ๆ ค่ะ เพราะวิธีนี้ดอกเบี้ยไม่โหดร้ายมากไปและจะทำให้คุณ ๆ สามารถผ่อนจ่ายและปลดหนี้รถได้เร็วขึ้นด้วยค่ะ ที่สำคัญที่สุดคือ คุณต้องประเมินกำลังเงินและขีดความสามารถในการผ่อนของตัวเองให้ดี ๆ ด้วยนะคะ เพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่งวินัยการชำระเงินที่คุณต้องรักษาเพื่อเครดิตของตัวคุณเองด้วยค่ะ
ถัดมาก็คือ เรื่องที่คุณอาจจะไม่ทันได้นึกถึง นั่นก็คือ เรื่องของค่างวดที่คุณ ๆ จะต้องจ่ายผ่อนในแต่ละปีค่ะ อย่างที่เกริ่นนำไปเมื่อก่อนหน้านี้ว่า ดาวน์น้อย ผ่อนถูก ๆ แต่จ่ายกันนาน ๆ นั่นไม่ใช่ข้อเสนอที่ดีนัก ก็เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยสำหรับกู้ซื้อรถจะเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบที่เราคุ้นหูกันดีว่า อัตราคงที่ หรือ flat rate ค่ะ ซึ่งการคิดอัตราดอกเบี้ยประเภทนี้เขาจะนำทั้งส่วนที่เป็นเงินต้นและดอกเบี้ยมาคิดรวมกันก่อน จากนั้นค่อยนำไปหารเฉลี่ยออกเป็นค่าผ่อนต่องวด ซึ่งก็เท่ากับว่าถ้าคุณยิ่งใช้เวลาผ่อนนานมากขึ้นเท่าไร คุณก็จะยิ่งต้องเสียดอกเบี้ยมากขึ้นเท่านั้นค่ะ อันนี้จะแตกต่างชัดเจนจากเวลาที่เราผ่อนบ้านกันนะคะ เพราะกรณีผ่อนบ้านจะเป็นลักษณะอัตราดอกเบี้ยแบบที่เรียกกันว่าลดต้นลดดอกค่ะ เพื่อให้คุณ ๆ เข้าใจมากขึ้นและเห็นภาพการคำนวณอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อรถยนต์ชัดเจนขึ้นนะคะ
สมมุติว่าคุณ ๆ ต้องการซื้อรถยนต์คันเล็ก ๆ สักคันราคาก็จะอยู่ประมาณ 650,000 บาท แต่คุณวางเงินดาวน์ไปแล้ว 150,000 บาท ก็จะเหลือเงินที่จะต้องให้สถาบันการเงินจัดออกมาอีก 500,000 บาท ซึ่งทางสถาบันการเงินเขาก็จะคิดจากอัตราดอกเบี้ยที่ 4% ต่อปีค่ะ ทีนี้ถ้าคุณเลือกแบบผ่อนยาวประมาณ 5 ปี หรือ เท่ากับ 60 เดือน หรือก็คือ 60 งวดนั้น ทางสถาบันการเงินเขาก็จะคำนวณอัตราเงินผ่อนให้คุณดังนี้คือ
จำนวนเงินผ่อนต่อเดือน คิดจาก
[วงเงินที่ขอกู้ + (วงเงินที่ขอกู้ x อัตราดอกเบี้ย % x จำนวนปีที่ผ่อนชำระ)] หารด้วย จำนวนเดือนที่ต้องผ่อนชำระ
ซึ่งอัตราดอกเบี้ยต่อปีคือ 4% ขอกู้จำนวน 5 ปี ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระรวมทั้งหมดคือ 20% นำวงเงินที่ขอกู้คือ 500,000 บาท มาคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 20% ก็เท่ากับต้องเสียดอกเบี้ยกู้ยืมเพิ่ม 100,000 บาท เมื่อเรานำเงินต้น (500,000) มารวมกับดอกเบี้ยที่ต้องชำระ (100,000) จึงเท่ากับเราเป็นหนี้กู้ยืมรถ 600,000 บาท ทีนี้เราต้องการผ่อนจ่าย 60 เดือน หรือก็เท่ากับจ่ายเดือนละ 10,000 บาท นั่นเองค่ะ
แต่ถ้าคุณ ๆ มองว่ายอดเงินผ่อน 10,000 บาทต่อเดือนสูงเกินไป คุณ ๆ ก็จำเป็นต้องเพิ่มระยะเวลาผ่อนออกไปเป็น 7 ปี ก็คือ 84 เดือน ดังนั้น ยอดผ่อนชำระต่อเดือนของคุณก็จะปรับลดลงมาเป็นเหลือเดือนละ 7,619 บาท หรือถ้าคุณคิดคำนวณดูดี ๆ ก็เท่ากับว่าคุณต้องเสียดอกเบี้ยรวมทั้งหมด 140,000 บาทเลยหล่ะค่ะ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ถ้าคุณ ๆ จะเลือกผ่อนรถสักคัน ก็ควรเลือกวางเงินดาวน์สูง ๆ เลือกผ่อนระยะเวลาสั้น ๆ ก็พอ ถ้าคุณทำได้ตามนี้ก็จะยิ่งช่วยลดยอดเงินสำหรับจ่ายดอกเบี้ยได้มากขึ้นเท่านั้นค่ะ