เมื่อช่วงชีวิตของเราก้าวมาถึงจุด ๆ หนึ่งที่ความต้องการ และ ความปรารถนาต่าง ๆ ของตัวเองเป็นเรื่องรองต่อจากเรื่องของลูกหัวแก้วหัวแหวนแล้วหล่ะก็ เราอยู่ในวัยสร้างครอบครัวเข้าแล้ว และเราต่างก็ต้องอยากจะให้เส้นทางสู่ความฝันของลูกเรานั้นราบรื่น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ทุกคนก็ต่างมีความหวังมีเป้าหมายเดียวกันคือ ออมเงินให้ลูก ให้ได้มากเพียงพอสำหรับเขา มากเพียงพอที่แม้วันหนึ่งข้างหน้าเราไม่ได้อยู่ใกล้กัน เขาก็สามารถสานต่อความฝันของเขาให้เป็นความจริงขึ้นมาได้เอง ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณสามารถสร้างให้ลูกได้ก็คือทุนสำหรับการศึกษาหาความรู้ หรือก็คือ ค่าเทอมสำหรับลูกน้อยในแต่ละช่วงวัย นั่นเองค่ะ
ดังนั้นการที่เราจะออมเงินเพื่อการศึกษาให้ลูก เราก็ควรจะออมแยกบัญชีออกมาเลย จะได้ไม่สับสนหรือเผลอเบิกออกมาใช้เสียก่อน แต่คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถนำคำแนะนำนี้ไปปรับใช้ให้เหมาะกับครอบครัวของแต่ละคนอีกทีนะคะ
พ่อแม่นักออม สามารถเริ่มด้วยการแบ่งการออมเงินออกเป็น 3 ช่วงก็คือ ช่วงแรกเรียกว่า การออมระยะสั้น เป็นการสะสมเงินสำหรับใช้จ่ายในเวลาสั้น ๆ อาจจะเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องทั่ว ๆ ไป อย่าง ค่าโทรศัพท์, ค่าขนม, ค่าเรียนพิเศษ, ค่าทัศนศึกษา และ ค่าอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ ค่าใช้จ่ายกลุ่มนี้ควรจัดเก็บในรูปแบบเงินออมที่มีความคล่องตัวมากสักหน่อย คือจะเบิกถอนเมื่อไรก็ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะเลือกเปิดบัญชีธนาคารออมทรัพย์ระยะสั้น ที่ให้ดอกเบี้ยสูง ๆ พอลูกของคุณ ๆ เริ่มโตขึ้นมากสักหน่อยก็ยกบัญชีนี้ให้เขาหัดดูแลเอง โดยคุณพ่อคุณแม่ก็เปลี่ยนจากที่เคยให้เงินเป็นรายวัน หรือ รายสัปดาห์ มาเป็นให้เป็นรายเดือน ทีนี้ ถ้าลูกของคุณใช้เงินหมดก่อนจะสิ้นเดือน คุณพ่อคุณแม่ก็จะได้ช่วยลูกดูว่า เงินเดือน ๆ นี้หมดไปกับค่าใช้จ่ายอะไร ทำไมเงินถึงไม่พอใช้ เป็นการฝึกลูกของคุณให้เรียนรู้ที่จะวางแผนการใช้เงิน และ ฝึกให้เขาหัดทำบัญชีค่าใช้จ่ายง่าย ๆ ด้วยตัวเองอีกด้วยค่ะ รับรอง คุณจะได้เห็นผลเริ่ด ๆ จากการวางแผนการเงินของเขาค่ะ ปลื้มปริ่มแน่นอนค่ะ
ถัดมาคือการออมเงินระยะปานกลาง เป็นการสะสมเงินไว้เพื่อเป็นค่าเทอมของลูกน้อยตั้งแต่เข้าอนุบาลไปจนกว่าลูกน้อยของคุณจะเรียนจบมัธยมปลาย จึงเป็นเรื่องของการออมที่ต้องพึ่งพาอาศัยวินัยที่เคร่งครัดจริงจังมากขึ้นนะคะ ขอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่เลือกเป็นการออมที่ผูกมัดตัวเองไว้ไม่ให้ใช้ หรือ บังคับว่ายังนำเงินก้อนนั้นออกมาใช้ไม่ได้เด็ดขาด เช่น นำเงินสะสมในรูปของซื้อกองทุน LTF ที่เราสามารถนำมาใช้ หรือ ขายได้ก็ต่อเมื่อครบ 5 ปีแล้วเท่านั้นค่ะ เป็นการกำหนดระยะเวลาการใช้เงินไปในตัว สมมุตินะคะว่า ถ้าตอนนี้ลูกของคุณอายุครบ 1 ขวบ คุณพ่อคุณแม่อยากจะออมเงินเพื่อเป็นค่าเทอมให้ลูกเข้าอนุบาล หรือ ก็คือเงินก้อนเมื่อลูกของคุณอายุครบ 5 ขวบ คุณ ๆ ก็ใช้วิธีออมเงินด้วย LTF ซึ่งเมื่อครบ 5 ปี คุณถึงจะนำเงินที่สะสมบวกกับผลประกอบการจากการลงทุนนั้น ๆ มาใช้ได้ ซึ่งวิธีการออมแบบนี้ แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ทำต่อเนื่องทุก ๆ ปี ตั้งแต่ลูกครบขวบนะคะ เพราะพอลูกน้อยครบ 6 ขวบ คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถนำ LTF ตัวที่ซื้อไว้ตอนที่ลูกน้อยอายุ 2 ขวบออกมาขายเพื่อเป็นค่าเทอมอนุบาล 2 ให้ลูกต่อไปค่ะ วิธีนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็จะมีเงินมาจ่ายค่าเทอมให้ลูกไปเรื่อย ๆ จนกว่าลูกจะจบมัธยมปลาย และประโยชน์อีกเด้งที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ก็คือ คุณ ๆ สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ทุก ๆ ปี อีกด้วยนะคะ คุ้มจริง ๆ ค่ะ ซื้อทุกปี ลูกคุณก็จะมีเงินค่าเทอมมาใช้ในอนาคตทุก ๆ ปีการศึกษาเช่นกันค่ะ
และการออมแบบสุดท้าย หรือ การออมระยะยาวนั้น เป็นการสะสมเงินให้ลูกไว้ใช้สำหรับเรียนต่อระดับปริญญาค่ะ จึงจำเป็นต้องใช้วินัยการออมขั้นเทพ รูปแบบการออมน่าจะไปทางหักเงินอัตโนมัติค่ะ อย่างเช่น ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ระยะยาว เลือกให้เราสามสารถรับเงินในช่วงที่ต้องจ่ายค่าเทอมก็จะยิ่งดีมาก ๆ ค่ะ สมมุติว่าตอนนี้ลูกของคุณมีอายุ 3 ขวบ เราต้องการสะสมเงินไว้ให้ลูก ๆ ใช้เป็นเงินค่าเทอมระดับมหาวิทยาลัยปีที่ 1 หรือ เมื่อลูกของคุณมีอายุ 18 ปี การออมเงินเพื่อการศึกษาในอนาคตของลูกนั้น คุณพ่อคุณแม่ก็เลือกใช้วิธีออมแบบประกันชีวิตสะสมทรัพย์ระยะเวลา 15 ปี ซึ่งเมื่อลูกครบ 18 ปี ก็จะได้รับส่วนเงินคืนทันที การออมลักษณะนี้ คุณพ่อคุณแม่จะได้ประโยชน์ 3 เด้งด้วยกันนะคะ ข้อแรก เป็นตัวประกันคุ้มครองชีวิต เด้งที่สอง ใช้เป็นเงินออมเพื่อการศึกษาของลูก และเด้งที่ 3 ก็คือ นำมาหักลดหย่อนภาษีได้ตลอด 15 ปีค่ะ และการออมลักษณะนี้ยังเปิดทางเลือกไว้ด้วยว่า ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินระหว่างที่ออมอยู่ ก็สามารถกู้เงินตัวเองออกมาจากกรมธรรม์ก่อนได้ด้วยค่ะ แต่แนะนำให้อ่านรายละเอียดการกู้ของแต่ละกรมธรรม์อีกทีนะคะ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะกู้เงินออกมาใช้ก่อนหรือเปล่าค่ะ