เคยหรือไม่ที่เราอ่านหนังสือที่สอนให้เราปลดหนี้ สอนให้เรามีอิสระภาพทางการเงิน จะมีอยู่วลีหนึ่ง คือ “เพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย” แต่จะเพิ่มรายได้ยังไงล่ะ ลดค่าใช้จ่ายก็ลดสุด สุดแล้ว แต่ถ้าเราคิดอยู่ในหัวของเราอย่างเดียวอาจไม่เวิร์ค ลองสำรวจค่าใช้จ่ายตัวเองอีกครั้งและทำเป็นตารางออกมา แบ่งเป็น ค่าใช้จ่ายสำหรับชีวิตประจำวัน (ค่าอาหาร เดินทาง ค่าขนมลูก ฯลฯ) และค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายทุกเดือน (ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ สินเชื่อส่วนบุคคล ฯลฯ) พอเห็นค่าใช้จ่ายแล้ว มันลดไม่ได้ ลดกันสุด สุด แล้ว งั้นเรามาตั้งสติกันใหม่ มาหาทาง เพิ่มรายได้ กัน
หลายตำราเหมือนกันที่บอกให้เราเพิ่มรายได้ แต่เราจะทำอะไร ทำยังไงล่ะ จะเอาเวลาที่ไหนไปทำ ทำงานประจำก็เหนื่อยจะแย่ ร้อยแปดพันเหตุผลที่ทำให้เราไม่สามารถ เพิ่มรายได้ ให้กับตัวเองได้ ทีนี่เรามาเริ่มใหม่ มาตั้งสติกันอีกรอบ สำรวจ ตัวเองอีกรอบ ดูสิว่า เราชอบอะไร เวลาว่างเราชอบทำอะไร เราก็เปลี่ยนสิ่งที่ชอบให้เป็นรายได้ของเราได้ เช่น ชอบทำขนม ทำอาหาร อาจจะลองทำอาหาร/ขนมขาย ชอบเที่ยว ก็ลองเขียน review สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก การเดินทาง ชอบเย็บผ้าทำงานฝีมือ ก็ลองเย็บเสื้อผ้า กระเป๋าขายก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง หรือมาแนวของเก่า เช่น ชอบสะสมเหรียญ พระเครื่อง เครื่องใช้โบราณ สแตมป์ ก็อาจจะเขียน review แล้วรวบรวมทำเป็น e-book ขายก็น่าจะดีไม่ใช่น้อย
หากสำรวจตัวเองแล้วก็ยังไม่เจอสิ่งที่ใช่สิ่งที่ชอบ งั้นก็ลองมาดูว่างานประจำที่เราทำมันจะแปลงเป็นงานเสริมได้หรือเปล่า เช่น เราทำบัญชีอาจจะรับทำบัญชีเพิ่ม เราเป็นเลขาอยู่ก็อาจจะรับงานเลขามาทำ เช่น แปลเอกสาร ถอดเทป พิมพ์เอกสาร คนไอทีสาย programer ของบริษัทก็ลองรับงาน Freelance ไปทำที่บ้านในวันหยุดดูได้สบายๆ ซึ่งถ้าลองไปดูตาม Website ที่ประกาศหาคนทำงาน Freelance ที่เจอส่วนใหญ่มักจะเป็นงานเขียน Program และที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ก็จะเป็นการเขียน Program เพื่อสร้าง Application บนมือถือ ก็ดูจะเก๋ไม่ใช่น้อย
หรือว่าค้นหากันสุด สุดแล้ว สิ่งที่ชอบทำก็ไม่มี งานประจำที่ทำอยู่ก็งั้น งั้น ไม่ได้เลอเลิศอะไร แถมทำไปให้มันหมดไปวัน เชียวชาญอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง ….. งั้นมาเปลี่ยนความคิดกันใหม่ เปลี่ยนตัวเองกันใหม่ก่อน เพราะถ้าตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เราก็เหมือนผู้หญิงเฉื่อย เฉื่อย ผู้ชายซึม ซึม คนหนึ่งที่นั่งหายใจทิ้งไปให้เวลาหมดไปวัน วันหนึ่งเท่านั้นเอง ถ้าไม่รู้จะทำอะไรจริง จริง ก็ลองหาสิ่งที่คนกำลังนิยมชมชอบกันดู ซึ่งแหล่งข้อมูลเดี๋ยวนี้ไม่อยากเลย Internet Social Network ต่างๆ เป็นแหล่งข้อมูลอันดับต้นของคนทำธุรกิจสมัยนี้เลยก็ว่าได้ เช่น เดี๋ยวนี้คนเริ่มมาปั่นจักรยานกัน เราลองหาของที่เกี่ยวข้องกับจักรยานมาขายดู หรือคนรักสุขภาพกันมากขึ้น ลองศึกษาและเขียนหนังสือเกี่ยวกับการเลือกอาหารการกิน การใช้ชีวิตให้ดีมีร่างการแข็งแรง เป็นต้น แต่ที่สำคัญหากเราเลือกการหารายได้จากความนิยมของคนอื่น สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การสำรวจตลาดอย่างสม่ำเสมอว่าทิศทางของความนิยมนั้นมันไปทางไหน เราจะได้ปรับตัวทัน เพื่อที่แหล่งรายได้ของเรา จะได้ไม่เปลี่ยนเป็นแหล่งหนี้สินก้อนใหม่ของเราแทน
อีกหนึ่งข้ออ้างที่ทำให้เราไม่มีรายได้เพิ่มนอกจากงานประจำ ก็คือ จะเอาเวลาที่ไหนไปทำล่ะ เป็นข้ออ้างที่ Classic อีกเหมือนกัน เรามาใช้สติกันอีกรอบนะ… 1 วัน เรามี 24 ชั่วโมงเท่ากันทุกคน แต่เราเคยจดกันหรือเปล่าว่าแต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป เราทำอะไรบ้าง ใช้เวลากินข้าวแต่ละมื้อเท่าไร นั่งเล่นมือถือเท่าไร นั่งดูละครเท่าไร นั่งทำงานจริง จริง เท่าไร สุดท้ายแล้วเราใช้เวลานอนเท่าไร โดยส่วนใหญ่มักจะหนีไม่พ้นว่า เราเสียเวลาไปกับการเล่นมือถือ การนั่งดูละคร การนั่งเม้าท์มอยกับเพื่อน อีกมาก มาย ….. แต่ถ้าเราจดเวลาที่เราใช้ไปเหมือนกับเงินที่เราใช้ไป เราจะรู้ว่าว้าวววว เรายังเหลือเวลาว่างอีกตั้งเยอะเลย นั่นล่ะ คือ คำตอบว่า เราจะใช้เวลาช่วงไหนไปหารายได้อื่นๆ นอกจากงานประจำกัน
ทีนี้ก็รู้แล้วว่าอยากจะทำอะไร แล้วจะไปหาที่ไหนล่ะ จะเดินไปหาใครล่ะว่าฉันอยากทำงานแบบนี้ อยากขายของแบบนี้ อยากเขียน review แบบนี้ คำตอบมีอยู่ในโลก Online ทั้งนั้นเลย Facebook ที่เราเล่นกันทุกวันลองศึกษาสร้างแฟนเพจเสนอผลงานตัวเอง ประกาศขายของที่เราตั้งใจนำเสนอ หรือจะเป็น Line ลองเข้าไปศึกษาสร้าง Line Shop กันดู หรือจะโกอินเตอร์ ไปที่ amazon หรือ alibaba ก็ได้ ลอง search หาคำว่า “thai” ดู แล้วจะรู้ว่าสินค้าของประเทศไทยอะไรบ้างที่ขายได้ ลองศึกษากันดูนะ คนอื่นทำได้ เราก็ได้เหมือนกัน ทีนี้เราก็จะมีรายได้เพิ่มนอกเหนือจากงานประจำแล้วล่ะ