การลงทุนจัดได้ว่าเป็นการลงเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงมากและความเสี่ยงก็สูงตามมาเช่นกัน แต่ในทางกลับกันการฝากเงินของธนาคารที่ดอกเบี้ยแสนจะต่ำเอามากๆ แต่ด้วยความเสี่ยงนั้นแล้วน้อยมาก ถึงกับว่าไม่มีเลยก็ว่าได้ แบบนี้เราจะทำอะไรกันให้เงินนั้นงอกเงยขึ้นมาเป็นดอกเป็นผลให้เราได้เก็บเกี่ยวกัน ซึ่งมีหลายคนที่อยากจะลงทุนแต่ไม่รู้จะไปลงทุนทำอะไร หากถ้าเราดูจากประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนานแล้ว การลงทุนซื้อหุ้น เป็นการทำเงินให้งอกเงยได้ในระยะยาวแล้วแต่ได้ผลตอบแทนดีมาก
แต่เราก็อย่าลืมสิ่งหนึ่งไปนะคะคำว่าการลงทุน มีความเสี่ยงหมดค่ะ หุ้นจึงเป็นปัจจัยหลักของนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ชอบเข้ามาทำการซื้อขายหุ้นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วการเข้ามาทำกำไรจากหุ้น นั้นมักจะได้กำไรดีและน้อยคนที่จะขาดทุน ก่อนการจะไปลงทุนได้เราจำเป็นต้องยึด หลักการลงทุน 3 อย่าง ดัง ดร. ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ดังนี้
1. เงินทุนเริ่มต้น
เงินทุนเริ่มต้น แน่นอนหากเราจะพูดถึงเรื่องการลงทุนแล้ว เราจำเป็นการมีเงินต้นเสียก่อน หากเราไม่มีสิ่งนี้เราก็ไม่สามารถเรียกว่าการลงทุนได้ เพราะเงินนั้นสามารถนำไปซื้อหุ้น การค้ากำไรได้ ที่มาของเงินต้นนั้นมันจะหามาได้อย่างไรกัน
- แน่นอนสำหรับบุคคลที่เกิดมามีฐานะมั่งคั่งหน่อย เงินที่ได้จากพ่อแม่ก็สามารถนำมาเป็นเงินต้นได้ โดยอาจจะได้มาจากสมบัติเก่า หรือพ่อแม่ทำงานหามาได้ แบบนี้เราก็มีต้นทุนที่ดีอยู่แล้วเพียงแค่เราต่อยอดให้มันงอกเงยได้ก็เพียงพอ หรืออาจจะเป็นเงินเดือนของตนเองก็สามารถนำมาเป็นเงินต้นได้
- หากเราเป็นคนพอประมาณหรือพอมีพอกิน การหาเงินต้นย่อมลำบากกันสักหน่อย การที่เราจะไปขอเงินจากพ่อแม่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่เหตุ เพราะฉะนั้นการออม ถือเป็นเงินต้นของคุณได้ดีอีกอย่างหนึ่งไม่ว่าคุณจะทำงานอะไรเงินเดือนมากน้อยเพียงใด การออมถือเป็นเรื่องสำคัญของคนประเภทนี้ การออมเงินน้อย ก็ไม่เป็นปัญหา หากเราออมเป็นประจำและเรื่อยๆ เงินนั้นก็สามารถเป็นเงินใหญ่ที่สมบูรณ์ได้
อย่าเด็ดขาดกับการนำเงินร้อนมาเป็นเงินต้น เพราะว่าการลงทุนห้ามนำเงินร้อนมาลงทุนเพราะมันจะทำให้คุณไม่ได้อย่างที่คุณตั้งเป้าไว้ เงินมักจะไม่อยู่กับคุณนาน เงินร้อนหมายถึงอะไรบ้าง เงินร้อนก็จำพวก เงินที่ได้มาจากสิ่งผิดกฎหมาย หรือเงินที่เรากู้มาลงทุน เงินที่ยืมเพื่อนมา โกงเขามา เพราะว่าการลงทุนซื้อหุ้นแบบนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ
2. ผลตอบแทนในการลงทุน
ผลตอบแทนในการลงทุนเมื่อเราได้เงินต้นมาแล้ว มีเงินต้นมาลงทุนแล้วต่อไปสิ่งที่เราควรจะวางแผนก็คือ เมื่อเราลงทุนไปแล้วผลตอบแทนที่เราควรจะได้รับ มีผลเช่นไร ความเสี่ยงเป็นอย่างไร คุ้มไหมหากเราจะลงทุนกับสิ่งนั้น เช่นลงทุนกับตลาดหลักทรัพย์ หรือการซื้อหุ้นจากบริษัทต่างๆ มาเก็บเอาไว้เมื่อถึงเวลาราคาดีแล้วเราก็ค่อยขายออกไป แบบนี้ก็ถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีอีกอย่างหนึ่ง ที่จะสามารถทำเงินให้งอกเงยได้ แต่หากเรานำเงินไปฝากกับธนาคารก็ดูเหมือนว่ามันจะมืดและช้าเอามากๆ กว่าจะเป็นเม็ดเงินขึ้นมาได้ แต่สำหรับการลงทุนนั้นเราจำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นด้วย ไม่ใช่อาศัยแต่การลงทุนอย่างเดียว มิฉะนั้นผลตามมาก็อาจจะทำให้เราผิดหวังกับเงินนั้น ด้วยความผิดพลาดของเราที่ไม่ศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน ดังคำที่ว่า เป็นคำเตือนของนักลงทุนทั้งหลายคือ การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนความศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการลงทุน เมื่อลงทุนแล้วนักลงทุนอาจจะแฝงมาด้วยความโรภความอยากที่จะได้มากขึ้น ในกรณีแบบนี้เราควรระวังให้ดี
3. ระยะเวลาในการลงทุน
ระยะเวลาในการลงทุนถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง หากเราเห็นสิ่งหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนกำไรดี แต่ว่าระยะเวลาในการกว่าจะได้มานั้นยาวนานมากแบบนี้ก็ไม่เห็นควร ไม่เหมาะกับการลงทุน
หรือใครที่ชอบการลงทุนแบบ ลงทุนกับตัวเองก็ได้ด้วยการออม อย่างเช่นเป็นคนไม่ถนัดในเรื่องหุ้น ไม่ถนัดเรื่องการลงทุน แต่เรามีเงินเดือนกินอยู่แล้วก็พอใช้อยู่ การออมก็เหมือนกับการลงทุนอย่างหนึ่งแต่เงินไม่สามารถเงกเพิ่มขึ้นมาได้ แต่เงินสามารถเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาได้อย่างเช่น หากตอนนี้คุณมีอายุ 25 ปีแล้วคุณเลือกการลงทุนแบบการออมกับตัวเอง สมมุติว่าโดยตัวคุณมีเงินเดือนละ 20000 บาท ให้คุณคิดว่าเงินจำนวนนี้หากหักค้าใช้จ่ายแล้วคุณจะเหลือเท่าไหร่ เช่นเหลือประมาณ 10000 บาท ให้คุณเก็บสักเดือนละ 5 พันเป็นเงินทุนของคุณ นอกนั้นคุณจะซื้อหรือจะทำอะไรก็แล้วแต่คุณ เมื่อคุณออมเรื่อยๆแบบนี้ เมื่อคุณมีอายุ 50 ปี คุณจะมีเงินทุนทั้งหมด 1 ล้าน 5 แสนบาททันที ซึ่งเมื่ออายุ 50 ปีแล้ว คุณก็จะมีเงินเอาไว้ใช้ยาวลำบากได้เลยแบบสบายๆ แถมมีลูกหลายมาคอยมีแลอีกเพียบ
เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะสำหรับ หลักการลงทุน ในแบบ 3 อย่างนี้ ซึ่งเป็นวิธีและขั้นตอนในการลงทุนนั้นเอง ไม่ว่าคุณจะลงทุนอะไรนอกเหนือจาการซื้อหุ้น ก็สามารถทำให้มันงอกเงยมาได้หมดค่ะ แต่ขึ้นอยู่กับคุณต่างหากว่าจะดูแลบริหารมันอย่างไร
ที่มารูป : www.stock2morrow.com