ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ คุณก็แค่พยายามหาทางลงมือทำมัน แต่ถ้าคุณไม่อยากประสบความสำเร็จ คุณก็แค่หาข้อแก้ตัว ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนต่างหวังจะประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะการประสบความสำเร็จทางด้านการเงิน ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะมีชีวิตที่ร่ำรวยแล้วล่ะก็ คุณต้องรู้ให้ทันข้อแก้ตัวที่มักจะฝังอยู่ในความคิดของคุณตลอดเวลา ซึ่งข้อแก้ตัวเหล่านั้นแหละที่เป็นตัวขัดขวางไม่ให้คุณลงมือทำอะไรเลย เมื่อไม่ลงมือทำ ผลลัพธ์ย่อมไม่เกิด
และนี่คือ 4 ข้อแก้ตัว ของคนที่ไม่เชื่อว่าตัวเองจะสามารถ ร่ำรวย ได้ที่มักจะเจอบ่อยที่สุด ลองมาดูกันครับ
1. เด็กเกินไป
เด็กทุกคนย่อมผ่านชีวิตวัยเรียนมาด้วยกันทั้งนั้น ตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย และก็ถูกปลูกฝังให้ทำอะไรตามกรอบ ยึดมั่นกับความมั่นคง และหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน ดังนั้นจะหาเด็กที่กล้าแหกคอก กล้าเสี่ยงกับชีวิตจึงค่อยข้างหาได้ยาก ซึ่งเด็กส่วนใหญ่จะถูกสอนให้พอเรียนจบ ก็หางานดีๆทำ ไปเป็นลูกจ้างเค้าว่างั้นเถอะ แต่ถ้าคุณคิดที่จะเป็นคนร่ำรวย การเป็นลูกจ้างถือเป็นทางเลือกที่แย่ที่สุด เพราะโอกาสที่คุณจะรวยได้จากการเป็นลูกจ้างนั้นน้อยมาก
คุณรู้มั้ยครับว่า วอร์เร็น บัพเฟตต์ ลงทุนตั้งแต่อายุเท่าไหร่? แค่ 9 ขวบเท่านั้นนะครับ คุณอาจคิดว่าอายุเท่านั้นสำหรับคุณคิดว่ามันยังเด็กเกินไป แต่บัพเฟตต์กลับบอกว่าเค้าคิดว่าเค้าเริ่มช้าไปด้วยซ้ำ นี่คือแนวคิดของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต และร่ำรวยที่สุดในโลกคนหนึ่ง หรือคุณลองดูอย่างคุณต๊อบ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ก็เป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่อายุ 19 ปี คุณเอกรินทร์ กุลภักดีสิงวร เจ้าของฉายานายหน้าเงินล้าน ก็สามารถหารายได้แตะหลักล้านตั้งแต่อายุ 19 ปี นี่เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งของคนที่ร่ำรวยได้ตั้งแต่ยังอายุน้อย และไม่ปล่อยให้ข้อแก้ตัวที่ว่า “เด็กเกินไป” มาทำให้หยุดฝัน หรือหยุดที่จะลงมือทำไปสู่เป้าหมาย
2. แก่เกินไป
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอายุเยอะแล้ว และมักจะคิดอยู่เสมอว่าทำอะไรไม่ทันแล้ว อายุปูนนี้แล้ว ให้ลองคิดถึงคนสองคนนี้ครับ คนแรกคือ เรย์ คร็อก คุณรู้มั้ยครับว่าเค้าเริ่มลงทุนครั้งใหญ่กับแฟรนไชส์ “แมคโดนัลด์” ในวัย 52 ปี ทั้งที่ตอนนี้เป็นทั้งโรคเบาหวาน และไขข้ออักเสบ คนที่สองคือ ฮาร์แลนด์ แซนเดอร์ส หรือที่เรารู้จักกันในนามผู้พันแซนเดอร์ส ผู้ก่อตั้ง “เคเอฟซี” เค้าได้เริ่มขายกับแฟรนไชส์ไก่ทอดในวัย 65 ปี ยิ่งไปกว่านั้นว่ากันว่าเค้าได้ถูกปฏิเสธมากกว่า 1,000 ครั้งเลยทีเดียว (คุณคิดว่าคุณจะสามารถทนการถูกปฏิเสธได้สักกี่ครั้งกันครับ แล้วลองจินตนาการตามด้วยนะครับ ถ้าคุณอายุ 65 ปี แล้วถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณจะรู้สึกอย่างไร) จนถึงทุกวันนี้แฟรนไชส์ “แมคโดนัลด์” และ “เคเอฟซี” ประสบความสำเร็จเร็จแค่ไหนคงไม่ต้องบอกนะครับ
ผมไม่รู้หรอกว่าทั้งเรย์ คร็อก และผู้พันแซนเดอร์ส เค้าจะรู้ตัวหรือไม่ว่าเค้าอายุเยอะแล้ว แต่ที่แน่ๆ เค้าไม่คิดว่าเค้า “แก่เกินไป” จนทำให้มันเป็นอุปสรรคต่อการลงมือทำของเค้าได้ครับ
3. ไม่มีเงินทุน
คุณเคยได้ยินประโยคนี้มั้ยครับ? “การเริ่มธุรกิจด้วยเงิน เป็นเรื่องที่โง่ที่สุด” คำถามคือถ้าไม่เริ่มด้วยเงิน แล้วจะเริ่มจากอะไร? คำตอบก็คือ เริ่มที่ตัวคุณก่อนสิครับ การจะเริ่มธุรกิจได้ คุณจะต้องมี Know how คือรู้ว่าจะต้องอย่างไร และมี Know who คือรู้ว่าควรจะรู้จักใคร หรือมี Connection ส่วนเรื่องเงินนั้นเป็นประเด็นสุดท้าย คุณรู้มั้ยครับว่า สุดยอดการลงทุนที่ดีที่สุดคือ การลงทุนโดยไม่ใช้เงินตัวเอง คือ ใช้เงินคนอื่นสิครับ กู้เงินแบงค์ไม่ได้ ก็ใช้นายทุน (หรือที่ศัพท์เทคนิคเค้าเรียกว่า Angel Investor) แหม ก็ถ้าคุณมีทั้ง Know how และ Know who ใครเค้าจะไม่อยากลงทุนกับคุณล่ะ จริงมั้ย?
ยุคนี้คือยุคสมัยที่เราได้ยินบุคคลที่สร้างความยิ่งใหญ่โดยเริ่มจากโรงรถกันหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเซอร์เก บริน กับลาร์รี่ เพจ สองผู้ก่อตั้ง Google สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้ง Apple หรือแม้แต่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ที่เริ่ม Facebook จากการห้องพักที่แชร์กับเพื่อนที่มหาวิทยาลัย คนเหล่านี้เค้าเริ่มที่ Know how กับ Kwon who ไม่ใช่เริ่มที่เงินนะครับ อย่าเอาเงินมาเป็นข้ออ้างหรือข้อจำกัดให้กับชีวิตของคุณครับ
4. ไม่มีการศึกษา
มีตัวอย่างมากมายของมหาเศรษฐีที่เรียนหนังสือไม่จบ หรือจบไม่สูง ที่น่าตลกกว่านั้นคือ คนที่เรียนจบสูงๆ ยังต้องมาทำงานให้กับเขาเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นริชาร์ด แบรนสัน ผู้ก่อตั้ง Virgin ที่เลิกเรียนตั้งแต่อายุ 16 ปี ไมเคิล เดล ผู้ก่อตั้ง Dell ก็เลิกเรียนตั้งแต่อายุ 19 ปี เฮนรี ฟอร์ด ผู้ก่อตั้ง Ford ก็ออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 16 ปี เพื่อไปเป็นช่างยนต์ และคนอื่นๆ อีกหลานคน ระดับการศึกษาไม่ได้เป็นเครื่องการันตีถึงระดับความสำเร็จของชีวิตเสมอไป เค้าวัดกันที่คุณภาพงาน ไม่ใช่ใบปริญญานะครับ
ข้อดีการเอาแต่หาข้อแก้ตัว คือคุณจะได้ไม่ต้องพยายามลงมือทำอะไรเลย อยู่เฉยๆ สบายๆ ในแบบของคุณ แต่ข้อเสียของมันก็คือ คุณก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน ชั่งใจดูดีๆ นะครับ