กำลังเจอปัญหาตอนนี้กันไม่น้อยเลยใช่มั้ยล่ะคะเกี่ยวกับการว่างงาน เกิดความท้องถอยอย่ามากมายเลยทีเดียว เพราะอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าทุกวันนี้หากเรียนจบมานั้นก็ใช่ว่าจะได้ทำงานตรงกับสายที่เรียนมานั่นเอง และยิ่งจบสูงมากเท่าไหร่ เปอร์เซ็นต์การตกงาน หรือว่างงานนั้นก็มีเพิ่มขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง ท้อแท้กันไม่น้อยเลยทีเดียวเรียนมาก็หนักหนาสากันกันแล้ว ยังต้องมาเดินเตะฝุ่นเพื่อหางานทำอีกด้วย เรียนจบไม่มีงานทำ ช่างโชคร้ายอะไรแบบนี้
อย่าเพิ่งโวยวายหรือเกิดการท้อแท้ไปแต่อย่างไร เพราะวันนี้เราได้มีมาแนะนำกัน สำหรับผู้ที่เรียนจบมาแล้วว่างงาน เรียนจบไม่มีงานทำ นั้น วันนี้คุณสามารถที่จะทำตัวเองให้มีคุณค่า และเต็มไปด้วยความสุขสบายได้ ดังนั้นเวลาที่รองานนั้นส่งที่ควรจะทำ หรือปฏิบัตินั้นเราได้รวบรวมไว้ดังนี้ค่ะ
1. สิ่งแรกที่ควรจะพิจารณาเมื่อเกิดการว่างงานนั้นคือการจัดลำดับความสำคัญ เมื่อคุณตกงาน หรือ ถังแตก สิ่งแรกที่คุณควรทำคือจับจ่ายอย่างมีสติเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็รู้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้โดยง่าย ช่วงนี้ เป็นช่วงที่คุณต้องใช้ความคิดเป็นอย่างมากเลยทีเดียวที่จะจำกัดการใช้จ่ายของตัวเองลงให้เหลือแต่สิ่งที่จำเป็นที่สุด บอกไว้เลยนะคะว่าอะไรที่สามารถประหยัดได้บอกได้เลยว่าควรจะทำเป็นอย่างแรก อะไรที่ตัดได้ในช่วงนี้ก็อดๆเอาหน่อยนะ เพราะการเงินของคุณในช่วงนี้บอกได้เลยว่าอยู่ในช่วงวิกฤติ อย่างตามใจตนเองล่ะ เพราะหากเงินเก็บหมดวันนั้นอาจยิ้มไม่ออกเลยก็ว่าได้นะคะ
2. เข้าใจคำพูคำนี้ได้เลยนะคะว่า จะเครียดทำไม ยิ้มเข้าไว้ จำไว้นะคะไม่ว่าจะเกิดอะไร จะเหนื่อย หรือเกิดการท้อแท้มากมายเพียงไหน คุณต้องยิ้มสู้มัน ทำจิตใจให้แจ่มใส จำไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตเรามีเรื่องให้รู้สึกยินดีอยู่เสมอ แม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเพียงการที่คุณยังมีลมหายใจอยู่ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายมากแค่ไหน หากไม่ไหวจริงๆก็สามารถที่จะเดินหน้าเพื่อทำการปรึกษาได้คนใกล้ตัวได้นะคะ อย่างน้อยก็พ่อแม่ของคุณที่ยินดีจะยื่นมือเข้าช่วย ดังนั้น การคงความสดใสในชีวิตไว้ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็ไม่ควรฟุ่มเฟือยไปกับความบันเทิงหรือการถลุงเงินเก็บอย่างไม่ยั้งคิดเสียล่ะ เพราะนั่นมันไม่ใช่ทางออกของคุณเลย แต่กลับตรงกันข้ามมันเป็นการเพิ่มภาระอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
3. หากไม่ไหวจริงๆ หรือหมดเนื้อประดาตัวจริงๆนั้น อย่าอายที่จะขอความช่วยเหลือจากบุคคลใกล้ตัวนะคะ หากคุณมีเพื่อนหรือครอบครัวที่พอช่วยคุณได้ แต่ก็อย่าหวังที่จะพึ่งพาคนอื่นเพียงอย่างเดียว และหากมีโอกาสก็อย่าลืมที่จะให้ความช่วยเหลือกับคนอื่นที่กำลังลำบากเช่นกัน หากคุณผ่านวิกฤติชีวิตครั้งนี้ไปได้ แล้วทำให้ได้จริงตามที่ตั้งใจ หากคุณหมดหนทางจนต้องกลับไปขอเงินพ่อแม่ หรือหากเป็นไปได้ถ้ามีเพื่อนที่มีงานทำก็อย่าลืมที่จะขอคำแนะนำหรือบอกกล่าวว่าต้องการที่จะทำงานแก่เพื่อคุณด้วยนะคะ เพราะบางครั้งเพื่อนคุณจะสามารถช่วยคุณในเรื่องงานได้นั่นเองอย่าอายกับคนใกล้ชิดนะคะ
4. มองหาโอกาสใหม่ ๆหรืองานใหม่ๆ ที่พอจะช่วยให้สถานการณ์การเงินของคุณดีขึ้นได้ ในเวลานี้อย่าเกี่ยงงานเป็นอันขาดเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะมานั่งเลือกงานกันแล้วนะคะ วิกฤตการณ์ขนาดนี้บอกได้คำเดียวเลยว่าหนักต้องเอาเบาต้องสู้อะไรที่พอจะกลายเป็นเงินได้ อะไรที่ทำแล้วได้เงินในช่วงนี้ก็ไขว่คว้ามาก่อน คิดเพียงแค่ว่าทำงานไม่ว่าจะได้มากน้อยเพียงไหนก็ยังได้เงิน ดีกว่าอยู่เฉยๆนั่นเอง
5. ประหยัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่เชื่อเถอะหากนำมารวมๆกันแล้วก็เป็นเงินที่มากมายไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อถึงเวลาที่ไม่มีงานทำเก็บเล็กผสมน้อย ให้ความสำคัญกับเงินทุกบาททุกสตางค์ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยแค่ไหน การเอาตัวรอดในโลกที่คุณต้องพึ่งพาตัวเองนั้นจะต้องอาศัยความกล้าและความเข้มแข็งเอานะคะ วันนี้เมื่อไม่มีเงินอย่าอายที่จะลองเก็บขวดเก่าไปขาย ฝึกทำอาหารให้ได้ปริมาณมากในราคาถูก ซื้อของใช้ในบ้านอย่างกระดาษทิชชู่หรือผงซักฟอกขนาดใหญ่เพื่อที่จะประหยัดได้ในระยะยาว หากคุณต้องขับรถไปทำงาน ลองหาเพื่อนร่วมทางที่ติดรถไปด้วยกัน
6. เข้าใจตัวเอง และเมื่อทำสุดความสามารแล้วทางออกที่ดีที่สุดคือการกลับบ้าน เพราะการใช้ชีวิตในเมืองหลวงแห่งนี้บอกได้เลยว่าเป็นเรื่องที่ต้องแบกรับกับภาระค่าใช้จ่าย หรือการดำรงชีวิตที่ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดคือหากคุณได้ลองทุกวิถีทางเพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ก็ต้องรู้ด้วยว่าเวลาไหนที่ควรจะถอดใจ หาทางออกเอาไว้หากเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แม้ทางออกนั้นจะเป็นการย้ายกลับไปอยู่กับพ่อก็บอกได้เลยว่าเป็นการลดค่าใช้จ่ายได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วค่อยกลับมาเริ่มใหม่เมื่อมีโอกาสก็ยังไม่สายเลยนะคะ