เหนื่อย จ่ายภาษี อยู่หรือเปล่า ?
เคยมีคนกล่าวไว้ว่ายุคนี้คือยุคภาษีอาน คือเรียกง่ายๆว่าพวกเรานี้จ่ายภาษีกันจนหลังอาน เงินที่ทำงานมาเหลือเท่าไหร่ก็เอาไปจ่ายเป็นเงินภาษีแทบจะทั้งหมดเลย คนที่มีรายได้เยอะก็อาจจะไม่เท่าไหร่ แต่คนที่มีรายได้พอดีตัวก็อาจจะลำบากสักนิด ที่นี้เรามาดูดีกว่าว่าหนูนิดจะจัดการอย่างไรกับปัญหานี้
หนูนิด : ช่วงนี้อยากเปลี่ยนงานจังเลยอ่ะ หนูหน่อย
หนูหน่อย : แล้วทำไมจู่ๆถึงอยากเปลี่ยนงานขึ้นมาละหนูนิด เบื่องานแล้วหรือไง
หนูนิด : ก็ภาษีที่เราต้องจ่ายมันเยอะมากเลยล่ะ ถึงเงินเดือนจะดีพอตัวนะแต่เรามีปัญหาเวลาจ่ายภาษีอยู่เรื่อยเลยว่าเงินไม่พอจ่ายนะสิ ก็รายได้ของเรามันเข้าเกณฑ์จ่ายภาษีพอดี แต่รายจ่ายแต่ละเดือนมันก็เยอะอยู่นะ ถึงจะมีรายได้พอตัว แต่ก็แทบจะไม่มีเงินเหลือเก็บเลยล่ะ พอถึงกำหนดจ่ายภาษีก็ต้องวุ่นวายอย่างนี้นี่ล่ะ เหนื่อย จ่ายภาษี มากเลย
หนูหน่อย : อืมหนูนิดได้ลอง ลดหย่อนภาษี ดูหรือยังล่ะ เรื่องภาษีนี่เราก็ยังหาทางไม่จ่ายได้บ้างนะ แต่ก็ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของเขาด้วยแหล่ะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากก็ไม่จ่ายเป็นเลย แบบนั้นไม่ดีแถมผิดกฎหมายอีกต่างหาก เวลาโดนหมายศาลมาเนี่ย บอกเลยว่ายิ่งกว่าภาษีรายปีเสียอีก แล้วหนูนิดคิดไว้อย่างไรบ้างอ่าว่าจะทำไงต่อ
หนูนิด : ก็ยังไม่ได้คิดไว้เลย แต่มีคนแนะนำมาว่าให้ทำประกันน่ะหนูหน่อยแต่ก็ยังไม่ได้ทำเลย
หนูหน่อย : ถ้าอย่างนั้นลองลงทุนในประกันดูก่อนไหมล่ะ เอาแบบเป็นรายปีก็ได้เอาเงินโบนัสจ่าย หรือจะแบ่งจ่ายรายเดือนก็ดีเหมือนกันนะ เพราะประกันเนี่ยสามารถเอาไปลดหย่อนภาษีได้เยอะอยู่เหมือนกัน
หนูนิด : แล้วเราต้องต้องซื้อประกันแบบไหนล่ะถึงจะเอามาลดหย่อนได้ แล้วต้องจ่ายเบี้ยเท่าไหร่เป็นอย่างน้อยเนี่ย
หนูหน่อย : ถ้าจำไม่ผิดมีทั้งทำให้พ่อแม่เลยและก็ทำให้ตัวเองนะ ซึ่งการลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิตนั้นจะต้องทำกับบริษัทประกันที่มีสำนักงานและมีสาขาในประเทศไทยเท่านั้น และประกันชีวิตที่เราเอามาใช้เพื่อลดหย่อนภาษี สามารถแบ่งได้ง่ายๆเป็น 3 แบบง่ายๆเลย คือ
ประกันชีวิตของตัวหนูนิดเอง ซึ่งเบี้ยประกันชีวิตนี้สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท และต้องเป็นประกันชีวิตที่ไม่มีการทำสัญญาเพิ่มเติม หรือซื้อความคุ้มครองอื่นๆเพิ่มด้วย มีระยะเวลาการคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป และผลประโยชน์ของประกันในแต่ละปีต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยประกันชีวิตที่จ่าย
ประกันสุขภาพของพ่อและแม่ของตัวหนูนิดเอง โดยพ่อแม่ต้องอาศัยอยู่ในไทยนี่แหละ เช่นเดียวกันกับแบบแรกคือ เบี้ยประกันชีวิตที่จ่ายไปนั้นสามารถเอามารวมกันแล้วนำมาลดหย่อนได้ตามที่จ่ายไปจริงๆ และไม่เกิน 15,000 บาท นอกจากต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วพ่อกับแม่ของหนูนิดก็ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ด้วย หรือถ้ามีหลายคนจ่ายประกันนั้นก็ต้องหารกันเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีต่อไปนั่นเอง
หรือถ้ายังไม่เข้าใจ ลองอ่านนี้ดูนะ >> เบี้ยประกันสุขภาพ บิดามารดา <<
ประกันชีวิตแบบบำนาญหรือพวกสะสมทรัพย์ของตัวหนูนิดเอง หรืออาจจะเป็นกองทุนต่างๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เป็นต้น ซึ่งมีการกำหนดไว้ว่าเราสามารถเอามาลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งทั่วไปก็จะลดหย่อนได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินที่จ่ายเป็นเบี้ยประกันตามจริงหรือไม่เกิน 200,000 บาท หนูนิดมีการลงทุนกับเบี้ยกองทุนอื่นๆอยู่แล้ว ภาษีสามารถนำมาลดหย่อนได้ไม่เกินได้ถึง 500,000 บาทเลยทีเดียว
ประมาณนี้แหละ ซึ่งหนูนิดก็อาจจะเลือกทำเป็นประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาหนึ่ง ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ประกันชีวิตแบบบำนาญ Universal Life หรือ Unit Link ก็ได้ตามแต่ที่หนูนิดสะดวกจะทำ ซึ่งเราคิดว่าหนูนิดอาจจะต้องไปดูรายละเอียดของแต่ละประกันอีกทีนึงนะว่าทำแบบไหนถึงจะดีกับหนูนิดมากกว่า เพราะประกันแต่ละอันก็ไม่เหมือนกัน บางอันเน้นไปที่ผลประโยชน์ด้านเงินตอบแทน บางอันก็เน้นด้านสุขภาพ แล้วบางอันก็มีการลงทุนไปด้วยพร้อมๆกับการคุ้มครองสุขภาพเลยนั่นเอง ซึ่งอันนี้เราแนะนำไม่ได้นะ แต่ถ้าอยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเราจะช่วยหาให้
หนูนิด : โอเคเลยหนูหน่อย เราว่าประกันก็ดีนะ แต่เราต้องไปถามพ่อแม่ก่อนว่ามีประกันชีวิตหรือยัง และเดี๋ยวหนูนิดขอไปศึกษาเรื่องการทำประกันชีวิตอีกทีหนึ่งแล้วกัน ถ้ามีอะไรสงสัยก็จะรีบโทนหาหนูหน่อยเลย ยังใช้เบอร์เดิมอยู่ใช่ไหมล่ะ
หนูหน่อย : ใช่ๆ มีอะไรก็โทรมาล่ะกัน อะไรที่ช่วยได้เราก็จะช่วยนะ
ภาษีไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากคุณทำความเข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับภาษีอย่างถ่องแท้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะพบว่าคนที่มีรายได้ 150,000 บาท/ปี ขึ้นไปจะต้องเสียภาษี แต่ทั้งนี้จะต้องหักลดหย่อนภาษีออกก่อนด้วยนะ ซึ่งหากลดหย่อนภาษีแล้วเหลือรายได้ไม่เกิน 150,000 บาท/ปี ก็ไม่ต้องเสียภาษีนั่นเอง ดังนั้นใครที่ยังงงๆ กับการเสียภาษีหรือเคร่งเครียดกับการจายภาษีอยู่ ก็ลองมาหาวิธีลดหย่อนภาษีกันดีกว่า