บ้านในความหมายที่ถูกต้องที่สุดของหนีไม่พ้นในเรื่องของความอบอุ่น แม้บ้านจะใหญ่โต มีอุปรณ์อำนวยความสะดวก มีสวนที่สวยงาม แต่ขาดความอบอุ่นก็ไม่สามารถที่จะเรียกว่าบ้าน บ้านจึงเป็นที่เริ่มต้นและเป็นที่สุดท้ายของชีวิตผู้คนที่ตื่นเช้าออกไปทำงานและกลับมาบ้านเพื่อชาร์จพลังงาน จากความเหน็ดเหนื่อยในแต่ละวัน เมื่อกลับมาบ้านก็พบเจอคนในครอบครัว พร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนที่จะออกไปทำงานในอีกวัน ชีวิตวนเวียนอยู่เท่านี้สำหรับมนุษย์เงินเดือน
แต่การมีบ้านสักหลังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบางคน เพราะด้วยค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนชำระ ค่านํ้าค่าไฟ และค่าอื่นๆประจำเดือน แต่สำหรับผู้ที่สามารถแบกภาระในแต่ละเดือนได้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใด แต่สำหรับบางคนก็เกิดอาการเงินขาดมือ ต้องเป็นหนี้สินก็มี จากการกู้สินเชื่อบ้านหรือที่อยู่อาศัย
ในบทความนี้จึงนำเสนอในมุมของผู้ที่ขอสินเชื่อกู้บ้านแล้วกำลังดำเนินการผ่อนชำระในแต่ละเดือน เดือนละเท่าๆกัน แต่เกิดว่าเดือนนั้นมีเงินเข้ามาเยอะ หรือถูกรางวัลที่หนึ่ง หรือรับมรดก หรือขายที่ได้กำไร จึงคิดว่าจะโปะเงินก้อนโตเพื่อปิดบัญชีกู้บ้าน สามารถทำได้ไหม?? แล้วการ โปะบ้านก่อนหมดสัญญา จะมีปัญหากับเครดิตบูโรไหม ??
กรณีที่ต้องการจะโปะค่าบ้าน สามารถทำได้และไม่มีปัญหากับเครดิตบูโร แม้ว่าในสัญญากู้บ้าน จะระบุจำนวนเดือนที่ต้องการผ่อนชำระ แต่หากต้องการจะปิดบัญชีก็ทำได้ ซึ่งผู้ขอสินเชื่อจะต้องเสียค่าปรับ 3% ค่าปรับตรงนี้หมายถึง สัญญาของแต่ละสถาบันการเงินจะระบุไว้ชัดเจนว่า ถ้าผู้กู้ไถ่ถอนก่อนหมดสัญญา จะมีค่าปรับ 3% เนื่องจากผิดสัญญา เพราะทางสถาบันการเงินเสียประโยชน์จากดอกเบี้ยในแต่ละเดือนเท่านั้นเอง
ดังนั้น หากมีเงินก้อนโต แล้วต้องการจะโปะบ้านให้หมดภาระไป ก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องพร้อมรับกับค่าปรับ 3% ที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้หากคิดว่าสามารถมีวินัยและสามารถเก็บเงินก้อนไว้ก่อนแล้วค่อยถยอยนำเงินก้อนนั้นไปชำระในแต่ละเดือนให้ครบสัญญาก็ทำได้ เป็นทางเลือกที่คุณจะต้องตัดสินใจและวัดใจว่าคุณจะปิดหนี้เลยหรือยอมเสี่ยงเก็บเงินก้อนโตไว้ โดยไม่หยิบไปใช้อย่างอื่น