การลงทุนนั้นมีความเสี่ยง แต่การขาดความรู้นั้นเสี่ยงมากกว่า เมื่อตัดสินใจที่จะลงทุนในหุ้นก็ต้องรู้ถึงวิธีกระจายความเสี่ยงซึ่งเรียกว่า “การจัดพอร์ต” หรือ “พอร์ตลงทุน” (Investment Portfolio)
“พอร์ตลงทุน” (Investment Portfolio) หมายถึง การสร้างกลุ่มหลักทรัพย์ ตั้งแต่ 2 หลักทรัพย์ขึ้นไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลงทุน หรือพูดง่ายๆ คือ การกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์ หลายๆ ประเภท เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าของหลักทรัพย์ และสร้างผลตอบแทน ให้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ซึ่งขั้นตอนสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการลงทุนได้นั้น คือ การสร้างพอร์ตอย่างถูกต้อง
การสร้างพอร์ตอย่างถูกต้อง นั้นทำได้อย่างไร?
การจัดพอร์ตที่ดีนั้น ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วัตถุประสงค์ของการลงทุน ความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ ผลตอบแทนที่คาดหวังไว้ รวมถึงข้อจำกัดในการลงทุนซึ่งแต่ละคนจะมีนโยบายการลงทุน ที่แตกต่างกัน บางคนอาจต้องการปกป้องเงินทุน ในขณะที่บางคนอาจต้องการเพิ่มค่าเงินทุน
จากนั้นจึง “สำรวจช่องทางการลงทุนประเภทต่างๆ” เพื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละประเภท ในเวลาเดียวกันก็ต้อง “ประเมินภาวะของตลาด” ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และวิเคราะห์ไปถึงอนาคต เพื่อประเมินระดับความเสี่ยงของภาวะตลาด และพยากรณ์อัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน
ขั้นตอนถัดมา ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากในการบริหารพอร์ตการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ นั่นก็คือ
“จัดสรรเงินลงทุน” โดยสามารถทำการแบ่งเงินไปลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภทที่สอดคล้องกับนโยบายการลงทุนของคุณ เช่น เงินฝากแบบมีระยะสั้นหรือยาว พันธบัตรที่ออกโดยสถาบันการเงิน หุ้นกู้ กองทุนรวม หุ้น ฯลฯ ต้องไม่ทำการลงทุนในสินทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่ต้องกระจายการลงทุนให้รอบด้านๆ เพื่อลดความเสี่ยง
ขั้นตอนสุดท้าย คือ “การติดตามผลและปรับปรุงพอร์ตการลงทุน” ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และภาวะตลาด โดยติดตามอยู่ตลอดเวลาของ “สถานะการลงทุน” ของตนเองเป็นประจำ ทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี ว่าเป็นไปตามเป้าหมายการลงทุนที่กำหนดไว้ตอนต้นหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ก็สามารถปรับตัวและแก้ไขการจัดพอร์ตอีกครั้ง เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นหากปล่อยไว้