หลายๆท่านคงจะทราบเรื่องการ ออมเงิน ดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงินในธนาคารหรือการฝากประจำ การทำประกันเพื่อออมเงินแต่ทางเลือกของการออมเงินอีกทางนึงก็คือการ ออมเงิน จากการลงทุนนั่นเอง
การลงทุนคืออะไร
ก่อนอื่นจะต้องเกริ่นก่อนว่าการออมนั้นคือการออมเพื่อเก็บไว้ใช้จ่ายจะเป็นในระยะสั้นหรือระยะยาวก็แล้วแต่ แต่การลงทุนนั้นเป็นการเก็บสะสมเงินแล้วยังสร้างผลตอบแทนที่สูงกกว่าการออมนั่นเอง ให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุน เป็นการสะสมเงินในงอกเงยต่อเนื่องในระยะยาวนั่นเอง การออมเงินจากการลงทุนนั้นมีหลายประเภทแล้วแต่ว่าท่านจะสนใจในการลงทุนแบบใดเป็นพิเศษนั่นเอง เช่น
การลงทุนในพันธบัตร หุ้นกู้ กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
การลงทุนในพันธบัตรคืออะไร?
ก่อนที่ท่านจะลงทุนในพันธบัตรท่านจำเป็นจะต้องรู้เสียก่อนว่าพันธบัตรคืออะไร
พันธบัตร เป็นสัญญาที่ออกโดยผู้ขอกู้ยืม โดยจะมีสัญญาข้อผูกมัดว่า ผู้ออกพันธบัตร จะต้องจ่ายผลตอบแทนนั่นก็คือดอกเบี้ยนั่นแหละ ให้กับผู้ถือพันธบัตร ตามอัตราและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในพันธบัตรนั่นเอง เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว เราก็สงสัยกันต่อว่า แล้วพันธบัตรเนี่ย มันมีกี่ประเภทกันล่ะ ?
ประเภทของพันธบัตร
- พันธบัตรที่ไม่ระบุดอกเบี้ย ก็คือพันธบัตรที่ไม่มีการจ่ายผลตอบแทน หรือดอกเบี้ยให้เป็นงวดๆ แต่จะจ่ายในรูปแบบที่รับซื้อคืนในราคาที่สูงขึ้นนั่นเอง
- พันธบัตรที่ระบุดอกเบี้ย ก็คือพันธบัตรที่สัญญาว่าผู้ออกพันธบัตรจะต้องจ่ายผลตอบแทนหรือที่เรียกกันว่าดอกเบี้ยให้กับเราตามอัตราและระยะเวลาที่กำหนดไว้แน่ชัดในพันธบัตร
- พันธบัตรที่มีการจ่ายดอกเบี้ยในแบบอัตราดอกเบี้ยลอยตัว นั่นก็คือ พันธบัตรที่ลดอัตราเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำที่สุด
- พันธบัตรที่สามารถเรียกคืนได้ ก็คือ พันธบัตรที่ผู้ออกสามารถขอซื้อคืนตามราคาที่กำหนดไว้ก่อนวันครบกำหนดได้นั่นเอง เมื่อเราทราบกันแล้วว่าพันธบัตรเนี่ยคืออะไรและมีกี่ประเภทต่อจากนี้เราต้องทราบด้วยว่าประเทศไทยของเรานั้นมีพันธบัตรชนิดใดที่ให้ได้ซื้อกันบ้าง
- พันธบัตรรัฐบาล ก็คือตราสารหนี้ที่ออกโดยกระทรวงการคลังและบริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยนั่นเอง
- พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ นั่นก็คือตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจ(ตามชื่อพันธบัตร)และบริหารโดยสำนักบริหารหนี้สาธารณะ
- หุ้นกู้ ก็คือตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนโดยทั่วไปจะจ่ายดอกเบี้ยให้กับเราสองงวดต่อปี และไถ่ถอนคืนเมื่อถึงวันครบกำหนดไถ่ถอนนั่นเอง
- ตั๋วเงินคลัง ก็คือตราสารหนี้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งผลตอบแทนของตราสารหนี้ชนิดนี้จะออกมาในรูปแบบการรับซื้อคืนในราคาที่สูงขึ้นจากราคาที่ขายให้เราในตอนแรก ซึ่งขะพูดให้เข้าใจง่ายๆนั่นก็คือเราจะไม่ได้ดอกเบี้ย แต่เราจะได้ขายคืนในราคาที่สูงขึ้นนั่นก็คือกำไรของเรานั่นเอง
เมื่อเข้าใจแล้วว่าพันธบัตรคืออะไรและใครขายบ้างนั้นแล้วเราจะสนใจซื้อชนิดใดอันนี้ก็แล้วแต่ผู้อ่านจะพิจารณาด้วยตนเอง เมื่อเราพูดถึงพันธบัตรและหุ้นกู้แล้ว สิ่งเหล่านี้ถึงแม้จะเป็นการลงทุนถึงแม้จะมีความเสี่ยงและเงื่อนไขมากกว่าการออมเงินปกติ แต่ก็ถือว่าเราสามารถได้ออมเงินจากการลงทุนและได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเอาเงินไปฝากเพื่อรอดอกเบี้ยอย่างเดียวนั่นเอง หากจะถามว่าดอกเบี้ยจากการลงทุนในพันธบัตรเหล่านี้จะได้มากกว่าดอกเบี้ยจากการฝากธนาคารมากน้อยเพียงใด ต้องยกตัวอย่างนี้เพื่อให้ท่านได้พิจารณา
เช่น พันธบัตรที่มีราคาหน้าตั๋ว 1,000 บาท และกำหนดดอกเบี้ย 10 % แสดงว่าผู้ถือพันธบัตรจะได้รับดอกเบี้ย 100 บาททุกปีนั่นเอง เห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าการซื้อพันธบัตรเพื่อลงทุนเป็นการออมจากการลงทุนที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว
ส่วนการออมเงินจากการลงทุนที่น่าสนใจอีกอย่างนึงนั่นก็คือการลงทุนในกองทุนรวมนั่นเอง
กองทุนรวมคืออะไร ?
กองทุนรวมก็คือ การลงทุนสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่อยากจะนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน แต่ติดขัดด้วยอุปสรรคหลายอย่าง เช่น มีทุนจำกัด ไม่มีประสบการณ์หรือความรู้ ความชำนาญในการลงทุน และที่สำคัญคือไม่มีเวลาที่จะศึกษา ค้นหา ติดตามข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุน กองทุนรวมเลยเป็นเครื่องมือในการลงทุนที่ดี มีการจัดการลงทุนอย่างเป็นระบบ ไม่งง ไม่ต้องหาข้อมูลเอง โดยผลตอบแทนนั้นก็อยู่ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้นั่นเอง
ส่วนประเภทของกองทุนรวมนั้นแบบเป็น 2 ประเภทก็คือ
- กองทุนปิด นั่นก็คือกองทุนรวมที่มีหน่วยลงทุนคงที่ ไม่เพิ่มขึ้นและไม่ลดลง และมีการเปิดให้จองซื้อเพียงครั้งเดียวเมื่อจัดตั้งโครงการนั่นเอง มีการกำหนดอายุโครงการที่แน่นอน โดยส่วนใหญ่แล้วอายุโครงการของกองทุนรวมในประเทศไทย จะมีกำหนด เป็น 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี นั่นเอง
- กองทุนเปิด นั่นก็คือ กองทุนรวมที่สามารถเพิ่มหรือลดหน่วยลงทุนได้ตลอดเวลา ไม่มีกำหนดอายุโครงการ และบริษัทที่จัดการรับซื้อคืน ก็จะทำตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนเช่น ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกสองสัปดาห์ ทุกเดือน ทุกไตรมาส หรือทุกหกเดือน แบบนี้กองทุนรวมแบบเปิดจึงเป็นที่นิยมมากกว่ากองทุนปิดเพราะมีสภาพคล่องมากกว่านั่นเอง
ทั้งนี้ท่านจะลงทุนแบบใดเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งในการออมเงินของท่านก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและแน่นอนว่าการลงทุนก็มักจะมาพร้อมความเสี่ยงไม่ว่าท่านจะลงทุนแบบใดถึงจะเสี่ยงน้อยแต่ท่านก็จำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อมูลนั้นๆก่อนการลงทุนให้ดีนั่นเอง