มีคนมากมายที่พยายามที่จะทำตัวเองให้เป็นผู้นำ มีคนจำนวนไม่น้อยที่พยายามที่จะพัฒนาตัวเองให้มีความเป็นผู้นำ แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ล้มเหลวอาจจะเป็นเพราะมีหลายๆสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นไม่มี ซึ่งการที่เรานั้นจะเป็นผู้นำอะไรสักอย่างนั้น โดยเฉพาะการเป็นผู้นำในสิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับธุรกิจ เกี่ยวกับการเงินต่างๆ รวมถึงการตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญ มักมีความกดดันอย่างมากและต้องกล้าตัดสินใจ โดยเฉพาะการเป็นผู้นำทางธุรกิจ
การเป็นหัวหน้าบริษัทหรือการเป็นผู้นำที่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้วนั้น นั่นหมายถึงความกดดันต่างๆที่เพิ่มเข้ามา และทุกครั้งที่ตัดสินใจเกี่ยวกับทางเลือกของบริษัทที่เราเป็นผู้นำนั้น นั่นหมายถึงการเลือกเส้นทางให้กับคนทุกคนในองค์กร เป็นการตัดสินชะตาชีวิตให้พวกเขาเหล่านั้นว่าจะเติบโตขึ้น หรือว่าจะอยู่เท่าเดิม ซึ่งการเป็นผู้นำนั้นเราสามารถพยายามฝึกในสิ่งต่างๆได้ดังนี้
ผู้นำควรคิดจะอยู่ข้างหน้ามากกว่าอยู่ข้างหลัง
ผู้นำนั้นตามชื่อเลยก็ว่าได้ว่าต้องอยู่ข้างหน้า ส่วนใครที่อยู่ข้างหลังเรา เราเรียกพวกเขาเหล่านั้นว่าผู้ตาม มีคนจำนวนไม่น้อยที่กลัวการที่จะอยู่ข้างหน้าคนอื่นๆเพราะนั้นอาจหมายถึงการตัดสินใจต่างๆที่มากมาย ตัดสินใจที่จะนำทางให้ผู้ตามของเรานั้นเดินตาม โดยเฉพาะการเป็นผู้นำของบริษัท ต้องอาศัยทักษะการเป็นผู้นำที่สูงมากกว่าการเป็นผู้นำธรรมดาทั่วไป หลายคนอาจจะคิดว่าคงคล้ายๆกับการเป็นหัวหน้าห้อง ประธานนักเรียน แต่ในความเป็นจริงนั้นการเป็นประธานบริษัทนั้นมักมีความกดดันต่างๆที่มากกว่ามาก ทำให้คนจำนวนไม่น้อยนั้นไม่กลาที่จะเป็นผู้นำ
ผู้นำคิดที่จะดูแลลูกน้องมากกว่าให้ลูกน้องดูแล
การดูแลซึ่งกันและกันนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น ผู้นำที่ดีนั้นต้องเลือกที่จะดูแลลูกน้อง เพราะการดูแลลูกน้องนั้น จะทำให้ลูกน้องนั้นเลือกที่จะดูแลหัวหน้าของตัวเองนั้นด้วยความเต็มใจ ทำให้เกิดความดูแลซึ่งกันและกันได้ แต่การที่เราให้หัวหน้านั้นคิดที่จะดูแลลูกน้อง เพราะถ้าเกิดหัวหน้านั้นคิดที่จะให้ลูกน้องดูแลเรานั้น หัวหน้าคนนั้นย่อมเป็นคนที่เราไม่ควรเลือกที่จะทำงานด้วยอย่างแน่นอน ในทางธุรกิจก็เช่นเดียวกัน การที่ประธานบริษัทนั้นเลือกที่จะดูแลลูกน้องภายใต้การดูแลของตัวเองก่อนนั้น ย่อมทำให้ลูกน้องที่ตัวเองดูแลอยู่นั้นย่อมเกิดความศรัทธาและไว้เนื้อเชื่อใจเรามากยิ่งขึ้นทำให้พวกเขาเหล่านั้นเลือกที่จะทำงานให้เราอย่างเต็มที่ การที่ประธานบริษัทหรือผู้นำบริษัทนั้นดูแลพนักงานในองค์กรต่างๆของตัวก่อน นั่นหมายถึงก้าวแรกของบริษัทที่กำลังจะเติบโตอย่างเต็มที่ ขับเคลื่อนด้วยความห่วงใยและยังทำให้พนักงานในองค์กรของเรานั้นรู้สึกสบายใจอีกด้วย ดังนั้นการที่เรานั้นเลือกที่จะดูแลผู้น้อยกว่าย่อมเกิดผลดีอย่างแน่นอนกับทั้งสองฝ่ายแน่นอน
ผู้นำคิดที่จะทำเพื่อส่วนรวมมากกว่าทำเพื่อตัวเอง
สิ่งต่างๆที่เราทำเพื่อส่วนรวมนั้นย่อมดีกว่าการทำเพื่อส่วนตัวเองอย่างแน่นอน เพราะการทำสิ่งต่างๆเพื่อส่วนรวมนั้นความสุขที่ได้รับนั้น การที่เราทำเพื่อส่วนรวมก็ย่อมมีคนหลายคนที่ได้รับความสุขนี้มากกว่าการทำสิ่งต่างๆเพื่อตัวเองอย่างแน่นอน ในบางครั้งการที่เราทำดีเพื่อส่วนรวมไม่จำเป็นที่เราต้องแสดงตัวออกมาว่าเราได้ทำสิ่งนี้เพื่อคนอื่นเสมอไป การปิดทองหลังพระย่อมเป็นสิ่งที่ดีอย่างแน่นอน และที่สำคัญในเชิงธุรกิจนั้นการทำเพื่อส่วนร่วมมักจะทำให้บริษัทนั้นหรือองค์กรนั้นเกิดความเป็นกันเองและเกิดการรู้จักคำว่าบุญคุณซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความเกรงใจกันในองค์กรหรือเกิดความเกรงใจในบริษัทและทำให้ไม่คิดที่จะเอารัดเอาเปรียบกันได้ การที่ผู้นำบริษัทหรือประธานบริษัทนั้นคิดที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อส่วนรวมนั้นและยิ่งเป็นการทำเพื่อส่วนรวมโดยที่ตัวเองนั้นไม่เปิดเผยตัวเองด้วยแล้ว ย่อมทำให้พนักงานในองค์กรเกิดความแปลกใจ จะยิ่งมีความเกรงใจมากขึ้นและเคารพเรามากขึ้นเมื่อพวกเขาเหล่านั้นรู้ทีหลัง นับได้ว่าเป็นการสร้างความไว้ใจให้กับพนักงานบริษัทและสร้างความสุขไปในตัว
ผู้นำมีวิสัยทัศน์จะรวมคนต่างๆเข้าด้วยกันและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า
ผู้นำนั้นมักมีวิสัยทัศน์ที่คิดจะรวมคนต่างๆเพื่อที่จะเป็นกำลัง ให้พนักงานต่างๆในองค์กรของตัวเองนั้นได้พยายามทำให้บริษัทที่ตัวเองทำอยู่นั้นขับเคลื่อนไปข้างหน้าในทางที่ดี การที่ผู้นำนั้นรวบรวมคนต่างๆให้มาเป็นผู้ตามไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผู้ตามเหล่านั้นย่อมมีความคิดที่แตกต่างกันอย่างแน่นอน นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญสิ่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ในการเปลี่ยนแปลงความคิดผู้ตามไม่ก็สามารถโน้มน้าวจิตใจของผู้ตามให้เป็นไปในทางเดียวกัน ในเชิงธุรกิจก็เช่นเดียวกัน การที่คนภายใต้องค์กรของเรานั้นมาจากหลายที่หลายครอบครัว ย่อมมีความคิดที่แตกต่างกันมีทัศนคติที่มากมายหลายแบบ ย่อมเป็นสิ่งที่ยากที่ผู้นำบริษัทหรือประธานบริษัทที่ขาดประสบการณ์นั้นจะโน้มน้าวความคิดของคนในองค์กรภายใต้การดูแลของเราให้ไปทิศทางเดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถ้าบริษัทใดก็ตามที่คนในองค์กรนั้นมีความคิดทัศนคติที่ไปในทิศทางเดียวกันแล้วนั้น ย่อมทำให้บริษัทนั้นเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วอย่างแน่นอน