หลายต่อหลายคนเฝ้าพร่ำบ่นเมื่อไรจะรวยกับเขาสักที เมื่อไรจะมีเงินเยอะ ๆ หรือไม่ก็เข้าวัดไหว้พระขอพรให้ตัวเองร่ำรวยขึ้น แต่ความรวยไม่ใช่สายฝน หรือ แสงแดดที่เราจะหยิบถังน้ำไปรองรับจากหน้าบ้านแล้วนำมาใช้ได้เลย หรือ ไปยืนตากแดดสังเคราะห์เป็นอาหารเหมือนประหนึ่งตัวเองเป็นไม้พันธุ์ต่าง ๆ ค่ะ และสำหรับคนรวย ๆ ที่เราเห็นนั้น โดยมากก็จะรวยได้จากการสร้างเนื้อสร้างตัวของตนเองเองกันทั้งนั้นค่ะ ไม่ใช่รวยแบบโชคช่วยในวันที่ 1 และ 16 ของทุก ๆ เดือนนะคะ
บางคนอาจจะบ่นงึมงำว่า ก็ฉันมันคนเรียนไม่เก่ง ปัญญาไม่ดีไม่ได้ฉลาดเหมือนคนอื่น ๆ เขา จะได้หยิบจับอะไรเป็นเงินเป็นทองไปทุกอย่าง แต่คุณ ๆ รู้หรือไม่ว่า คะแนนสอบในห้องเรียน หรือ ลำดับที่สอบได้แต่ละชั้นปีไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่านักเรียนคนนั้น หรือ คน ๆ นั้นจะรวยกว่าคนอื่น ๆ ในห้องเรียนค่ะ
แต่คุณสมบัติที่จะส่งเสริมให้คน ๆ หนึ่งสามารถก้าวขึ้นมามีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นได้คือ ความกล้าเสี่ยง, ความมั่นใจในตัวเอง, ความมุมานะตั้งมั่น, ไหวพริบทางการเงิน และ ความอึดอดทนต่างหากค่ะ
หากคุณได้กวาดตามองไปที่กลุ่มคนรอบ ๆ ตัวก็จะพบเห็นบางคนที่มีความรู้ เป็นคนเก่ง แต่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก ขาดความมั่นใจ และในขณะเดียวกันก็จะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ค่อนข้างวิตกกับการเปลี่ยนแปลง ไม่ค่อยกล้าลองเสี่ยงอะไรมากนัก เราจึงเห็นคนที่มีความสามารถหลาย ๆ คน ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานกินเงินเดือนไปวัน ๆ เก็บเงินทีละนิดมาผ่อนบ้านผ่อนรถ โดยยึดว่าการงานที่ทำอยู่ก็มั่นคงดี ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นพนักงาน หรือ เจ้าของบริษัทฯ เราต่างก็มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่งานที่เสี่ยงมากกว่าก็ย่อมต้องได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเท่านั้นเองค่ะ
หนึ่งในที่มาของความกลัว หรือ กรอบจำกัดความเปลี่ยนแปลงของคนที่มีความรู้สูง ๆ ก็คือ ความที่เขาผู้นั้นรู้เรื่องราวหลาย ๆ อย่างมากและเกิดความกังวลต่อปัจจัยต่าง ๆ การศึกษาทำให้เราเป็นนักวิเคราะห์นักประเมินสถานการณ์ แล้วพอเราคิดอย่างนั้นอย่างนี้เราก็จะเกิดความกลัวมากขึ้น และสุดท้ายก็เลือกที่จะไม่เสี่ยงอะไรเลยดีกว่า จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นลูกจ้างระดับปริญญาโท ปริญญาเอก แต่บริหารกิจการงานโดยเถ้าแก่ระดับปริญญาตรี ค่ะ ถ้าคุณเองก็อยากจะก้าวขึ้นสู่ ความรวย คุณต้องฝ่าด่านความกลัวไม่เหมือนคนอื่น ฝ่ากรอบความคิดเดิม ๆ ออกมาให้ได้ก่อนค่ะ ก้าวนี้เป็นอีกก้าวที่สำคัญมากนะคะ
และเมื่อคุณหลุดออกจากความกลัวได้แล้ว คุณก็ค่อยมองหาโอกาสซึ่งคุณอาจจะเลือกเป็นเจ้าของกิจการจากงานอดิเรกของคุณเองก็ได้ค่ะ กิจกรรม DIY ต่าง ๆ ก็สามารถทำเงินได้เช่นกัน หรือถ้าคุณชอบทำขนม, ปรุงอาหาร และอบขนม ผลงานชิ้นโบว์แดงเหล่านี้ก็สามารถแปรเป็นเงินได้เช่นกันค่ะ แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีงานอะไรที่ถนัดมากเป็นพิเศษ การมองจากสภาพความเป็นอยู่รอบ ๆ ตัว มองดูปัญหาที่ผู้คนพบเจอ หรือ มองดูสิ่งที่ทำให้ผู้คนสามารถได้รับความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น อาจจะเริ่มจากชุมชนที่คุณพักอาศัยก่อนก็ได้ว่าบริเวณนั้นขาดอะไร ควรจะมีอะไรมาเพิ่ม อย่างเช่น หากบริเวณที่คุณอยู่มีแต่ผู้สูงอายุ การให้บริการอาหารปิ่นโตมื้อเที่ยงตามบ้าน หรือ บริการดูแลผู้สูงอายุ ก็อาจจะเป็นทางเลือกธุรกิจที่เหมาะก็ได้ หรือถ้าคุณเห็นว่ามีแต่เด็กเล็ก ๆ และโรงเรียนมากมาย ก็อาจจะเปิดบริการติวเตอร์ หรือ รับฝากเลี้ยงเด็ก ก็ได้นะคะ เพราะบางครั้งโอกาสก็ไม่ได้เดินมาหาใครถึงหน้าประตูหรอกค่ะ เราจึงต้องเป็นฝ่ายหาโอกาส และ สร้างโอกาสขึ้นมาเองบ้างค่ะ
เมื่อคุณสามารถสร้างธุรกิจของตนเองได้แล้ว คุณควรใช้เงินทำงาน ไม่ต้องก้มหน้าทำงานหาเงินอย่างเดียวค่ะ ซึ่งก็อาจจะเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ เช่น การลงทุนซื้อคอนโดฯ แล้วก็ปล่อยให้เช่า เป็นรายได้เพิ่มอีกทางของคุณค่ะ หรือ คุณอาจจะลงทุนในหุ้นของกองทุนรวมไม่ว่าจะเป็น LTF หรือ RMF ก็ได้ค่ะซึ่งนอกจากประโยชน์เรื่องการลดหย่อนภาษีแล้ว เราก็ยังสามารถนำมาเป็นเงินออม หรือเงินสำหรับวางแผนชีวิตในอนาคตได้อีกด้วย เพราะกองทุนเหล่านี้จะบังคับเราไปในตัวอยู่แล้วว่าต้องถือหุ้นเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 5 – 7 ปี และเมื่อครบกำหนดคุณถึงจะสามารถนำมาขายเอากำไรคืนได้ ซึ่งหากคุณบริหารจัดการให้ดีเงินที่ออกมาในปีที่ 5 ก็อาจจะเป็นเงินสำหรับให้คุณใช้ลงทุนต่อ หรือ อาจจะเป็นเงินสำหรับการศึกษาของลูกคุณเมื่อพร้อมเข้าวัยอนุบาลก็ได้ค่ะ รายได้จากการลงทุนนั้น คุณสามารถแบ่งออกเป็นเงินออมอีกต่อหนึ่งก็ดีไม่ใช่น้อยนะคะ การทำซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้อยู่เรื่อย ๆ นั้น ก็คล้าย ๆ กับที่เรามักได้ยินคนที่ร่ำรวย หรือ คนที่ประสบความสำเร็จเขาพูดกันว่าเป็นเทคนิคการใช้เงินต่อเงิน ค่ะ
สิ่งสำคัญของบันไดแต่ละขั้นสู่ความมั่งคั่งร่ำรวยนั้น คือวินัยทางการเงินค่ะ ทั้งเรื่องการควบคุมค่าใช้จ่ายให้พอดีต่อความจำเป็น ไม่ใช้จ่ายเงินตามความต้องการ และ การให้ความสำคัญต่อการออมเงินมากกว่าการใช้เงิน อย่างที่เขาเรียกกันว่า ออมก่อนใช้ทีหลัง นั่นแหล่ะค่ะ และอย่างที่ย้ำ ๆ กันมาตลอดว่า ความสำเร็จหรือความรวยของคนเราไม่ใช่ตำราที่นั่งอ่านแล้วจะรวยขึ้น แต่เราต้องลงมือทำค่ะ