แม้ว่าบัตรเครดิตจะเป็นสิ่งที่มีใช้กันเป็นจำนวนมาก สามารถสมัครได้ไม่ยาก เพียงทำงานประจำที่มีรายรับที่สม่ำเสมอและมีประวัติด้านการเงินที่ดีพอสมควร ทำให้หลาย ๆ คนมีบัตรเครดิตมากกว่าหนึ่งใบในกระเป๋าสตางค์ แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้เป็นสมาชิกบัตรเครดิต โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานอาชีพอิสระหรือไม่ได้มีหลักประกันรายได้ที่แน่นอน แต่เนื่องจากโลกของอีคอมเมิรซ์ได้มีการพัฒนารวดเร็วมากในต่างประเทศและกำลังเริ่มเติบโตในประเทศไทย การชำระค่าสินค้าและบริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตจึงเป็นที่นิยมและได้รับความสะดวก โดยการกรอกรายละเอียดบัตรเครดิตก็สามารถสั่งจ่ายค่าสินค้าและบริการผ่านระบบอัตโนมัติได้ทันที
แล้วผู้ที่ไม่ได้ถือบัตรเครดิตจะมีโอกาสชำระค่าสินค้าแบบตัดเงินออนไลน์ได้อย่างไร ในบทความนี้มีคำแนะนำง่าย ๆ เพื่อให้ทราบเป็นแนวทางกัน
รู้จักบัตรเครดิตเสมือน
ที่เรียกว่าบัตรเครดิตเสมือนนั้น เพราะว่าความเป็นจริง ไม่ใช่บัตรเครดิตจริง ไม่มีการ์ดพลาสติกให้จับต้องได้ แต่มีเลข 16 หลัก เลข CVV 3 หลัก และวันหมดอายุของบัตรเสมือน เหมือนที่บัตรเครดิตจริงมี การใช้งานก็เพียงใช้เลขชุดดังกล่าวกรอกลงในแบบฟอร์มออนไลน์ก็จะสามารถ ซื้อของออนไลน์ ได้แล้ว หรือสามารถใช้ลงทะเบียนเพื่อเชื่อมโยงกับระบบจ่ายเงินของ PayPal ก็ได้ เลขของบัตรเสมือนนี้ไม่สามารถนำไปใช้ในโลกออฟไลน์ได้ เช่น ตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านอาหาร แต่ให้ใช้เฉพาะการช้อปปิ้งออนไลน์เท่านั้น ธนาคารที่ให้บริการและได้ความนิยมก็คือบัตร K web Shopping Card ของธนาคารกสิกรไทย ข้อดีเด่น ๆ 2 ประการก็คือสามารถกำหนดวงเงินการใช้จ่ายต่อครั้งได้ ควรจะกำหนดวงเงินให้ต่ำไว้ก่อนและไม่ควรเกิน 2,000 บาท อีกประการหนึ่งก็คือเป็นระบบตัดเงินจากบัญชีธนาคารที่ผูกกับบัตรเครดิตเสมือนเท่านั้น มีเงินสดในบัญชีธนาคารเท่าไหร่ก็สามารถใช้ได้ไม่เกินเท่านั้น ไม่มีระบบการเบิกเงินล่วงหน้าหรือมีระยะเวลาการชำระเงินเหมือนบัตรเครดิต ทำให้ไม่ต้องกู้หนี้บัตรเครดิต และเป็นการใช้จ่ายตามวงเงินจริงที่มี
บัตรเดบิตที่ใช้จ่ายออนไลน์ได้
นอกจากบัตรเครดิตเสมือนแล้ว ยังมีบัตรเดบิตที่สามารถใช้จ่ายออนไลน์ได้เช่นกัน โดยสามารถสอบถามบริการนี้ได้ที่ธนาคารกรุงเทพหรือธนาคารอื่น ๆ โดยจะเป็นบัตรเดียวกับบัตร ATM แต่มีเลขรหัส 16 หลักและเลข CVV เช่นกัน การใช้งานจะสะดวกกว่าบัตรเครดิตเสมือน เพราะสามารถจ่ายเงินได้เวลาไปใช้งานในห้างสรรพสินค้าหรือร้านอาหารที่รับบัตรเดบิต
สินค้าและบริการที่นิยมการชำระเงินออนไลน์
- การจดชื่อโดเมนเนม
- การเช่าเว็บโฮสติ้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- สินค้าที่สามารถชำระเงินผ่านระบบ PayPal* เช่น ซื้อของใน ebay หรือเว็บ E-Commerce อื่น ๆ ที่มีการจำหน่ายทั้งสินค้าหรือบริการโดยใช้ PayPal เป็นตัวกลาง
- สินค้าที่ขายผ่านเว็บไซต์ที่มีระบบ Payment Gateway ของธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย เช่น ร้านค้าออนไลน์ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หรือการจองบัตรตั๋วคอนเสิร์ต เป็นต้น
*PayPal คือระบบธนาคารเสมือนในโลกอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้ต้องมีบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตที่ใช้ร่วมกับบัญชี PayPal ผู้ที่มีบัญชี PayPal สามารถส่งเงินให้กับผู้รับได้ทั่วโลก และใช้รับเงินได้จากผู้คนทั่วโลกเช่นกัน เพียงระบุที่อยู่อีเมลของเราเท่านั้นในการรับเงิน และการ Login ด้วยอีเมลและรหัสผ่านเพื่อเข้าไปในระบบกรณีต้องการส่งเงินหรือชำระเงินให้ผู้อื่น
ข้อควรระวังเรื่องความปลอดภัย
ทั้งการใช้บัตรเครดิตเสมือนหรือบัตรเดบิตที่ชำระเงินออนไลน์ ก็พึงระวังเรื่องความปลอดภัยให้มากที่สุด ได้แก่
-
ต้องรู้จักเว็บไซต์ที่จะทำการชำระเงินไปให้เป็นอย่างดี
โดยมีความน่าเชื่อถือและได้รับการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และมีระบบความปลอดภัยการส่งข้อมูลของเว็บไซต์เป็น HTTPS โปรโตคอลเท่านั้น ถ้าเป็นเพียง HTTP จะไม่ปลอดภัย เพราะอาจจะโดนดักจับข้อมูลโดยแฮกเกอร์ได้ HTTP หรือ HTTPS สามารถสังเกตได้ที่ด้านหน้าสุดของชื่อเว็บไซต์ใน Browser เช่น https://www.ชื่อโดเมน.com/ ที่สำคัญที่สุดต้องระวังว่าเว็บไซต์ที่กำลังเข้าใช้นั้นเป็นเว็บไซต์ปลอมหรือเว็บไซต์จริง เพราะมีมิจฉาชีพที่ทำหน้าเว็บไซต์ปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกให้เหยื่อกรอกข้อมูลส่วนตัวและเลขบัตรเครดิตลงไปเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางฉ้อโกง
-
อย่าใส่เงินในบัญชีมากเกินไป
ไม่ว่าจะเป็นบัญชีที่เชื่อมโยงกับบัตรเครดิตเสมือนหรือบัญชีที่เชื่อมกับบัตรเดบิตที่ใช้ชำระเงินออนไลน์และรูดซื้อสินค้า ไม่ควรใส่เงินจำนวนมากไว้ในนั้น เพราะเป็นการป้องกันความเสียหายให้อยู่ในวงจำกัด กรณีมีเหตุที่โดนผู้อื่นลักข้อมูลหรือปลอมแปลงข้อมูลก็จะไม่เสียหายมากนัก
-
ไม่เปิดเผยเลขบัญชี 16 หลัก เลข CVV และวันที่หมดอายุกับผู้อื่น
ในบางกรณีที่ ซื้อของออนไลน์ แล้วทางเจ้าของเว็บไซต์อาจจะต้องการขอให้ผู้ใช้ยืนยันตัวตนโดยขอสำเนาบัตรที่ใช้ ถ้าเป็นบัตรเดบิตก็สามารถถ่ายภาพสแกนส่งไปได้ แต่ต้องขีดทับปิดบังเลข 12 หลักหน้าไว้ด้วย รวมถึงเลข CVV และวันที่หมดอายุ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ผู้อื่นสามารถนำเลขดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้ หลักการนี้สามารถนำไปใช้ได้กับบัตรเครดิตเช่นกัน
-
ควรตรวจสอบรายการที่ใช้จ่ายเป็นประจำ
สำหรับผู้ที่มีธุรกรรมการซื้อสินค้าหลายครั้ง ควรจะหมั่นตรวจสอบรายการและยอดเงินอยู่สม่ำเสมอ ซึ่งสามารถตรวจผ่านระบบออนไลน์ที่ทางธนาคารเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว ถ้ามีรายการใดผิดปกติจะได้สามารถแจ้งธนาคารเพื่อทักท้วงรายการดังกล่าวได้ทันเวลา เพราะหากไม่ทักท้วงในกำหนด ธนาคารก็จะถือว่าถูกต้องและไม่สามารถเรียกเงินคืนได้อีก
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้บัตรเครดิตเสมือนหรือบัตรเดบิตสำหรับทำธุรกรรมออนไลน์ สามารถติดต่อได้โดยตรงที่ธนาคารที่ท่านมีบัญชีเงินฝากอยู่ ตามที่ยกตัวอย่างข้างต้นคือ ธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงเทพ หรือธนาคารอื่น ๆ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินดังกล่าวจึงเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่ไม่ได้ถือบัตรเครดิตหรือไม่ต้องการถือบัตรเครดิตแต่ยังคงต้องการความสะดวกในการชำระค่าสินค้าออนไลน์ เมื่อเริ่มใช้แล้วก็ควรระวังเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน และติดตามข่าวสารสำคัญที่ธนาคารจะแจ้งให้ทราบเป็นครั้ง ๆ ไป