ในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตนั้นเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากกับ ธุรกิจด้านการเงิน เริ่มตั้งแต่การใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตในการจัดการควบคุมงานภายในออฟฟิศ และการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการ และอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ทำให้เทคโนโลยีด้านอินเตอร์เน็ต กลายเป็นโครงสร้างหลักในการดำเนินงานไปเสียแล้ว
ธุรกิจเหล่านี้ มีการดำเนินงานด้วยเทคโนโลยีด้านอินเตอร์เน็ตอย่างไรบ้าง?
ธุรกิจอุตสาหกรรมการเงินอย่าง ธนาคาร สินเชื่อ การประกัน ธุรกิจด้านการลงทุน หลักทรัพย์ ต่างมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น และธุรกิจเหล่านี้เองก็เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่คำนึงถึงความจำเป็นของอินเตอร์เน็ตและพยายามหาทุกช่องทางที่จะเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ จึงได้ริเริ่มนำอินเตอร์เน็ตมาใช้ เพื่ออำนวยสะดวกในการอุตสาหกรรม เช่น นำมาใช้บริหารและวางแผนการทำงานในองค์กร ปรับปรุงการทำงานของพนักงาน เพิ่มช่องทางการขายและการดูแลลูกค้า เช่นทางเว็บไซต์ของธุรกิจเอง เว็บบอร์ดสาธารณะ แอพลิเคชั่นแชทต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มสาขา และศูนย์บริการลูกค้า การติดตั้งตู้ ATM เพิ่มระบบบริการทางเว็บไซต์และแอพลิเคชั่นต่างๆอันอำนวยความสะดวกต่อการทำธุรกรรมต่างๆ ซึ่งระบบเหล่านี้มีการเชื่อมต่อกันทุกช่องทางการสื่อสาร เข้ากับระบบฐานข้อมูลลูกค้าโดยไม่ต้องใช้บุคคลใดมาเกี่ยวข้อในระบบเลย
สถาบันด้านการเงินและการธนาคารต่างๆ ได้พยายามใช้ทรัพยากรด้านบุคคลที่มีอยู่ให้เกิดคุณค่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งด้านการบริการลูกค้า และต่อองค์กรเอง ทุกวันนี้การรอให้ลูกค้าเข้าหาฝ่ายเดียวไม่สามารถทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้อีกแล้ว พนักงานเองต้องสามารถให้คำปรึกษาการวางแผน และด้านอื่นๆให้กับลูกค้าได้ และด้วยเหตุนี้การพัฒนาทรัพยากรบุคคลโดยใช้อินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหรรมการเงินและการธนาคารในปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาออนไลน์ อีเลิร์นนิ่ง บทความแนะแนวทางการเงินการลงทุนโดยผู้เชี่ยวชาญ ข้อมูลด้านบุคคลแบบออนไลน์ ตลอดจนกระบวนการดำเนินธุรกิจแบบดิจิตอล ทำดำเนินไปแบบอัตโนมัติและบริการตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งหมดทั้งมวลนี้เองที่เป็นส่วนหนึ่งในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากการทำธุรกิจแบบเดิม มาเน้นบทบาทการเข้าถึงและให้คำปรึกษากับลูกค้าโดยผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
อินเตอร์เน็ตมีความสำคัญต่อองค์กรอย่างไร
การให้บริการของธุรกิจนี้ จำเป็นต้องมีระบบที่เสถียรภาพสูงมาก และที่กลยุทธ์ทางอินเตอร์เน็ตมีความสำคัญก็ด้วยเหตุนี้เอง เนื่องจากสถาบันทางการเงินหลายสถาบันได้พบว่าการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ในแห่งเดียว ก่อให้เกิดปัญหาและความยากลำบากหลายอย่างจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ดังนั้นการที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ทำให้สถาบันเหล่านี้มีการสำรองข้อมูลข่าวสารต่างๆขององค์กร รวมถึงกระบวนการทางธุรกิจต่างๆ โดยมีการเชื่อมต่อข้อมูลแต่ละศูนย์เข้าด้วยกันโดยใช้ระบบใยแก้วนำแสง
ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ สถาบันด้านการเงินการธนาคารเหล่านี้ รวมถึงเทคโนโนยีด้านอินเตอร์เน็ต จะมีส่วนช่วยในการผลักดันให้มีการรวมบัญชี เข้าด้วยกันเป็นบัญชีเดียวในช่วง 1-2 ปีข้างหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งกับลูกค้าภาคธุรกิจหรือลูกค้าบุคคล เนื่องจากการรวมบัญชีเข้าไว้เป็นบัญชีเดียว ลูกค้าสามารถใช้บริการผ่านทางเว็บไซต์ของธุรกิจเองได้อย่างง่ายดายในที่เดียว โดยผ่านระบบเว็บไซต์ที่มีเสถียรภาพและความปลอดภัยสูง สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลลูกค้าและจัดการการเงินได้ในทุกๆด้าน รวมถึงทุกบัญชีที่ลูกค้าใช้บริการอยู่
การบริการนี้จะครอบคลุมทุกบัญชี ทุกธนาคาร และทุกสถาบันการเงิน ซึ่งระบบทั้งหมดนี้สามารถทำได้โดยระบบที่ใช้มาตรฐานเทคโนโลยีทางอินเตอร์เน็ตที่เป็นภาษา XML (Extensible Markup Language) ทุกสิ่งที่กล่าวมานี้จึงเป็นไปได้อย่างง่ายดาย
ทั้งสองฝ่ายได้รับประโยชน์ด้านใดบ้าง?
ทั้งนี้การรวมบัญชีต่างๆเข้าด้วยกัน ยังเป็นการช่วยส่งเสริมให้ลูกค้าได้ทดลองใช้บริการใหม่ๆที่มีอยู่ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการชำระค่าบริการต่างๆ การทำกิจกรรมด้านการเงินในทุกๆทาง ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลาและธนาคารเองก็มีรายได้เพิ่มขึ้น เกิดความพึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ยังทำให้ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆได้รู้จักพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละราย รวมถึงความต้องการให้มากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ สถาบันการเงินยังสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้นและมากขึ้นจากฐานข้อมูลทีได้รับ เพื่อแบ่งได้ว่าลูกค้ากลุ่มใดสามารถสร้างรายได้ให้กับสถาบันได้มากที่สุด โดยใช้ต้นทุนในการดำเนินการน้อยที่สุด ทั้งนี้การแบ่งกลุ่มลูกค้านี้ยังช่วยให้สถาบันสามารถจัดการ และปรับปรุงแผนการตลาดให้ตรงกลุ่มลูกค้ามากที่สุด โดยบริการรวมบัญชีนี้ มีธนาคารหลายแห่งเริ่มนำมาประยุกต์ให้บริการกับลูกค้า อาทิเช่น เวลส์ฟาร์โก(Wells Fargo), ซิตี้แบงก์(Citibank) และแบงก์ออฟอเมริกา(Bank of America)
โดยนอกจากธนาคารแล้ว สถาบันการเงินด้านอื่นๆเองก็มีการนำไปใช้เช่นกัน ซึ่งบางสถาบันเช่น ฟิเดอลิตี้ (Fidelity) เมอริลลินช์ (Merrill Lynch) ฯลฯ ที่ยังอยู่ในช่วงการดำเนินการ ที่จะเข้ามาสู่ตลาดบริการใหม่นี้ แม้กระทั่งธุรกิจที่ให้บริการทางเว็บไซต์ยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ก็เริ่มทำการวางแผนเพื่อเปิดให้บริการทางด้านการเงิน และการธนาคารเข้าไปในเว็บไซต์ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น Yahoo MSN AOL ฯลฯ
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าธุรกิจด้านการเงิน เหล่านี้ กำลังพยายามอย่างหนักในการใช้อินเตอร์เน็ตมาพัฒนาองค์กรและทำให้กิจการก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด และจะมีความสะดวกสบายในการทำกิจกรรมทางการเงินต่างๆของลูกค้ามากขึ้นๆด้วย โดยโครงการเหล่านี้ก็สอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าที่หันมาสนใจการทำธุรกิจ การซื้อขาย หรือการลงทุนบนอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ซึ่งในอนาคตเราจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆที่ธุรกิจเหล่านี้จะพัฒนาขึ้นมาอย่างไม่สิ้นสุดอย่างแน่นอน
สมัครบัตรเครดิตผ่านอินเตอร์เน็ต สะดวก สมัครง่าย แค่ >> คลิก <<