เมื่อจะกล่าวถึง ปัญหาทางการเงิน การลงทุนจากคนดังเหล่าหนี้ คุณรู้หรือไม่คำว่า “ฮอลลีวู้ด” หมายถึงอะไร หลายคนคงจะคิดถึงหนังดังหลายๆเรื่องที่ชวนน่าติดตามกันอยู่ใช่ไหมละค่ะ หนังที่โด่งดังทำชื่อเสียงไปทั่วโลกจึงไม่น่าแปลกที่คนทั่วไปรู้จักหนังฮอลลีวู้ดเป็นอย่างดีและให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่ผ่านมาเร็วๆนี้เองหนังดังจากฮอลลีวู้ดทำเอาคนไทยทั้งประเทศร้องฮือไปทั่วทุกสารทิศกับการฉายภาพยนตร์อย่าง FURIOUS 7 เร็ว…แรงทะลุนรก 7 ที่เขาว่ากันว่าห้ามฉายในไทย จึงทำให้มีเสียงออกมาวิจารณ์กันอย่างหนักถึงปัญหาดังกล่าวต่างๆนานา แต่แล้วในที่สุดก็ได้ฉายสมใจคนไทย
ฮอลลีวู้ด คืออะไร มันก็คือชื่อของเขตในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟฟอร์เนีย ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่สามารถทำหนังภาพยนตร์ให้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แน่นอนหากจะพูดถึงรายได้ของดาราหนังฮอลลีวู้ดนั้น คงไม่ต้องพูดถึงว่าหนังแต่ละเรื่องที่เขาเล่นกัน ราคาค่าตัวเป็นระดับล้านอย่างแน่นอน
มาเข้าเรื่องของเรากันก่อนเลยดีกว่า ปัญหาทางการเงิน จากคนดังอย่างดาราฮอลลีวู้ดทั้งหลายเขาบริหารธุรกิจทางการเงินเขายังไงกัน กับรายได้มหาศาลอย่างนี้ หากเป็นเราก็คงไม่อยากใช่ไหมละคะ เล่นหนังหนึ่งเรื่องคงจะไม่ทำงานกันแล้วละ นอนกินไปตลาดชีวิตอย่างแน่นอน เพราะว่าหนังฮอลลีวู้ดแต่ละเรื่องที่เขาเล่นกัน อย่างเช่น ฮิลารี ดัฟฟ์ หรือ เจสสิก้า ซิมป์ สัน นั้นเอง ค่าตัวของเขาที่แสดงหนังแต่ละเรื่องนั้นมีมูลค่ามากถึง 75 ล้านบาทต่อเรื่องเลยนะค่ะ ได้ยินไม่ผิดอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นยอดเงินที่สูงเอามากๆ แต่คุณรู้ไหมว่าการที่เรามีรายได้ขนาดนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นเงินที่เก็บออมไว้ เพราะรายจ่ายของเขาก็สูงตามมาเช่นกัน เช่น ค่าจ้างทีมงาน ค่างวดรถ และต้องจ่ายค่าคฤหาสน์หรูๆอีก 300 ล้านบาทเลยทีเดียว
ส่วนเรื่องการบริการเงินของเขานั้นจัดได้ว่าไม่มีระเบียบอย่างเราๆอย่างแน่นอนเพราะว่า เขาจำเป็นต้องมีผู้ช่วยส่วนตัวค่อยดูแลเรื่องทรัพย์สินของเขาเองโดยที่เขาไม่รู้เลยว่า รายได้เข้าบัญชีมีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง โดยผู้ช่วยส่วนตัวของเขาจะจัดการให้เองทั้งหมด นับว่าเป็นข้อบกพร่องอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็มีอย่างให้เห็นกันคือการยักยอกเงิน การโกงเงินอะไรประมาณนี้
และที่จะเห็นได้อย่างแท้จริงกับการบริหารทางการเงินที่ยอดแย่แห่งวงการฮอลลีวู้ด อย่างเจ้า ไมค์ ไทสัน ที่สามารถหาเงินได้ถึง 1.2 หมื่นล้านบาท แต่ด้วยที่เขาไม่มีพื้นฐานการบริหารการเงินที่ดี รู้จักแต่การหาเงินอย่างเดียว แบบนี้ก็เก็บไม่อยู่เช่นกัน การใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยของเขา ที่หมดไปกับการ ซื้อคฤหาสน์ ซื้อรถยนต์หรูๆอีกนับสิบคัน สุดท้ายชีวิตเขาจบแบบเจ็บๆลงท้ายด้วยการเป็นหนี้สินมากถึง 800 ล้านบาท ต้องกลายเป็นบุคคลล้มละลายในชั่วพริบตา
การลงทุนผิด…ไม่กระจายความเสี่ยง ชีวิตก็เปลี่ยนไป
สำหรับดาราฮอลลีวู้ดทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้ที่หารายได้นับล้านบาทต่อเดือน แต่ก็ใช่ว่าจะยั่งยืนเป็นพื้นฐานของความมั่งคงเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น โบโน่ นักร้องดังวง U2 ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักลงทุนยอดแย่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาได้นำเงินจำนวนหนึ่งที่หามาได้นำไปลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจด้านเทคโนโลยี แต่ด้วยบริษัทเกิดการขาดทุนย่อยยับจนทำให้หุ้นที่เขาถือไว้นั้น ลดต่ำลงมากถึง 80 % ซึ่งเขาได้ลงทุนบริษัทนี้เพียงอย่างเดียวโดยไม่กระจายความเสี่ยงและไม่รู้จักการบริหารการเงินที่ดี เมื่อหุ้นลดเขาก็บริหารไม่เป็น ซึ่งนี้เองก็เป็นคติเตือนใจสำหรับใครหลายๆคน
ที่เราได้กล่าวมานี้ต่างก็เป็นเรื่องหดหู่ใจกับใครหลายๆคนที่ได้เข้ามาอ่านในเรื่องนี้ ซึ่งเราอาจจะไม่รู้เลยว่าคนดังๆ ซึ่งมีเงินทองมากมายแต่ด้วยการไม่มีความรู้การจัดการบริหารการเงินแล้วก็กลายเป็นคนธรรมดาที่ล้มเหลวในชีวิตได้เช่นกัน ซึ่งหากเราจะมองในแง่อีกมุมหนึ่งที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเรานั้นก็คือ การบริหารการเงิน การลงทุน การทำอย่างไรให้สิ่งเหล่านี้งอกเงยขึ้นมาได้
แน่นอนหลายคนคงเสนอความคิดมาว่าการฝากเงินกินดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่ทำให้เงินงอกขึ้นมาได้ นั้นก็ใช่อย่างที่คุณคิด แต่เงินที่งอกออกมานั้นเป็นปริมาณที่ต่ำเอามากๆ แต่ก็เป็นการลงทุนในอีกรูปแบบหนึ่งที่คุ้มและมั่งคงความเสี่ยงน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย หรือเราจะไปลงทุนหุ้นบริษัทต่างๆนั้นก็เป็นผลกำไรที่งอกได้เร็วแถมความเสี่ยงก็ตามมาเช่นกัน แต่หากคุณรู้วิธีบริหารความเสี่ยงนั้นคุณก็กำจัดมันได้เช่นกัน โดยการมองตลาดให้ออกว่าหากเราถือหุ้นนะตอนนี้ในอนาคตจะรุ่งเรืองและสร้างกำไรให้เราอย่างมหาศาลได้ ยกตัวอย่าง เจ้าอิชิตันนี่เองคงไม่ไปไหนไกลเท่าไหร่เอาในประเทศไทยเรานี่แหละ ที่มียอดขายสูงมหาศาลเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป หากคุณเป็นคนติดตามข่าวสารมาโดยตลาดคนจะรู้ได้เลยว่าคนที่ถือหุ้นในบริษัทนี้ต่างก็ร่ำรวยกันถ้วนหน้า