ที่พูดถึงเด็กๆ มิใช่หมายถึงเด็กตัวเล็กๆ เดินเตาะแตะนะคะ หากแต่รวมถึงเด็กๆ ที่ได้เงินค่าขนมจากพ่อแม่ และนำมาบริหารจัดการได้ด้วยตัวเอง ซึ่งก็น่าจะช่วยวัยมอปลายถึงมหาวิทยาลัย หรือวัยรุ่นนั่นเอง เชื่อว่าหลายคนประสบปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเงินของตนเอง เพราะไม่ค่อยได้วางแผนการใช้เงิน ทั้งปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจที่ขยายวงกว้างทำให้มากระทบกับกลุ่มคนเหล่านี้ และผู้ปกครองด้วย ฉะนั้น เพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ เด็กๆ ก็ควรจะต้องรู้วิธีบริหารจัดการเงินของตนเอง เพื่อให้เพียงพอที่จะใช้จ่าย สามารถ ใช้เงินเป็น และไม่ไปรบกวนพ่อแม่เพิ่มขึ้นอีก
เด็กๆ หลายคนนั้นทราบดีว่า เงินค่าขนมที่ตัวเองได้มานั้นก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อแม่ และพิษปัญหาเศรษฐกิจก็ทำให้หลายคนไม่กล้าที่จะขอเงินเพิ่ม แม้รายจ่ายของตนเองในทุกวันที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะไม่อยากให้พ่อแม่ต้องมารับภาระจากที่มีอยู่ จึงต้องพยายามใช้เงินที่ได้เท่าเดิมให้ครอบคลุมทุกการใช้จ่ายของตัวเองในแต่ละวัน แต่จะทำอะไรที่จะสามารถบริหารจัดการการใช้เงินของตนเองได้? วิธีอยากแนะนำ คือ การบันทึกการใช้เงินประจำวันของตนเอง
การบันทึกการใช้เงินประจำวันของตนเอง แม้จะเป็นวิธีที่โบราณเสียหน่อย แต่ได้ผลแน่นอน เพราะเราจะสามารถเห็นรายรับ-รายจ่าย ของตนเองได้ในทุกๆ วัน ว่าวันนี้เราใช้เงินไปเท่าไหร่ กับการซื้ออะไรบ้าง สิ่งที่ซื้อจำเป็นหรือไม่จำเป็น เราสามารถลดค่าใช้จ่ายไหนได้บ้างหรือไม่ เพื่อที่จะได้นำเงินตรงส่วนที่ใช้จ่ายเรื่องไม่จำเป็นไปใช้ให้เกิดประโยชน์กว่านี้ หากหลายคนมองว่าการจดบันทุกนั้นจะล้าสมัย ในปัจจุบันก็มีแอพลิเคชั่นที่ช่วยบันทึกรายรับรายจ่ายของเราย เช่น Spendee, CoinKeeper, Cash book ฯลฯ ทั้งยังคำนวนได้อย่างเสร็จสรรพว่ารายรับของเราเหมาะสมกับรายจ่ายหรือไม่ พร้อมคำแนะนำในการใช้เงินได้อีกด้วย เราเป็นเด็กรุ่นใหม่มีเทคโนโลยีอยู่ในมือ ก็ควรใช้ให้เกิดประโยชน์!
เมื่อบันทึกรายรับรายจ่ายได้สักพัก เราก็จะทราบว่าการใช้เงินของเรานั้นเสียไปกับอะไรบ้างในแต่ละวัน ทีนี้เราก็มาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินของเรากัน เช่น เมื่อเราเห็นแล้วว่าเงินส่วนที่หายไปจำนวนมากมาจากการกินขนมราคาแพง เช่นนั้นเราก็ควรลดความถี่ในการไปกินขนมเหล่านี้ลง หรือเงินที่หายไปมาจากการที่เราไปเที่ยวสถานบันเทิงกับเพื่อนบ่อยจนเกินไป เราก็ต้องลดความถี่ในการไปเช่นกัน เพราะไม่ใช่แค่เรื่องเที่ยวที่ทำให้เราเสียเงินจำนวนมาก หากแต่จะทำให้เราเสียการเรียนได้ แต่ก็มิได้ไม่เห็นด้วยเสียทีเดียว หากแต่ต้องขึ้นอยู่กับความพอดี และรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองให้ได้ โดยเฉพาะกับน้องๆ ที่กำลังเรียนมหาลัย สิ่งล่อตาเหล่านี้มันมีมากมาย แต่เราสามารถเลือกปฏเสธได้ ไม่จำเป็นต้องไปเสียทุกครั้ง
หากใครที่อยากจะสร้างรายได้ให้กับตนเอง อยากลองหาเงินใช้ด้วยตัวเองดูบ้าง หรือประสบการณ์ในการทำงาน ก็ลองหางานพิเศษทำหลังเลิกเรียน หรือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็ได้ นอกจากจะได้เงินที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของตนเองแล้ว เงินนี้เรายังสามารถนำไปซื้อของที่ตนเองอยากได้ โดยไม่ต้องไปขอเงินของพ่อแม่ ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเราเองก็จะได้เห็นคุณค่าของเงินมากยิ่งขึ้น เพราะได้มาจากแรงกายแรงใจของตนเอง สร้างความภาคภูมิใจให้ตนเองได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
อีกวิธีหนึ่ง คือ การใช้ความสามารถพิเศษของตนเองนั้นสร้างผลิตภัณฑ์กุ๊กกิ๊กน่ารัก แล้วนำวางขายในโซเชียลมิเดียต่างๆ อย่างในปัจจุบัน การขายเคสโทรศัพท์มือถือที่ออกแบบเอง ขายเสื้อที่เพ้นท์เอง หรือกำไลข้อมือที่ถักเอง นับว่าปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่น ทั้งยังลงทุนไม่มากแต่ผลตอบแทนไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
หลายคนเข้าใจผิดว่าเด็กๆ ที่ไปทำงานพาร์ทไทม์นั้น หมายถึง เด็กที่จน ไม่มีเงิน ซึ่งทัศนคติเช่นนี้ นับเป็นอคติอย่างมากในสังคมไทย เด็กๆ ที่ทำงานพาร์ทไทม์จึงโดนดูถูกและไม่ได้รับการชื่นชมจากคนในสังคม จึงทำให้เด็กหลายคนไม่อยากทำงานแบบนี้ ทั้งที่อยากจะแบ่งเบาภาระพ่อแม่ แต่ก็อายและกลัวโดนดูถูก ทั้งที่ในสังคมตะวันตกการทำงานพิเศษถูกให้ความสนใจจากพ่อแม่เด็กๆ ทุกคน เด็กๆ เองก็อยากทำด้วยความเต็มใจ ไม่มีการดูถูกหรือเหยียดหยาม เพราะวัฒนธรรมการเลี้ยงดูของเขาที่เมื่อโตพอที่จะรับผิดชอบตนเองได้จะต้องหางานทำและออกไปใช้ชีวิตคนเดียว ไม่ต้องหวังพึ่งพ่อแม่ไปตลอด ถึงอย่างนั้นก็มิใช่ว่าพ่อแม่จะไม่ให้ค่าขนมพวกเขา หากแต่พวกเขาต้องหาเงินซื้อของที่อยากได้ด้วยตัวเอง
เชื่อว่า เมื่อเด็กคนไหนก็ตามที่ได้ลองทำงานตั้งแต่เด็ก ทุกคนจะเห็นคุณค่าของเงินมากยิ่งขึ้น จะเข้าใจความเหน็ดเหนื่อยของพ่อแม่ และอยากจะรู้จักประหยัดมากขึ้น แม้ช่วงชีวิตวัยรุ่นจะเป็นช่วยเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างสนุกสนาน ไม่ต้องรับภาระมากมาย แต่การทำงานเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะสามารถช่วยให้เราโตขึ้นได้อีกขั้น มีความรับผิดชอบ สุขุม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น
เป็นวัยรุ่นอย่าให้ใครมาว่าเอาได้ว่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เงินพ่อแม่อย่างไม่เห็นคุณค่า แสดงให้พวกเขาเห็นอย่างนอบน้อม รู้กาลเทศะ และไม่อวดดี ว่าพวกเราเป็นวัยรุ่นยุคใหม่ที่ใชเงินเป็น!!