เมื่อพูดถึงการ ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะเบือนหน้าหนี เพราะดูเป็นการลงทุนที่ต้องใช้ต้นทุนสูง มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และต้องเรียนรู้หลายอย่าง จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่ค่อยมีความรู้ และประสบการณ์ในการลงทุนมากนัก แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ในปัจจุบันนี้เราสามารถเห็นคนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากมาย และกูรูด้านการลงทุนหลายๆ ท่านยังให้ความเห็นตรงกันว่า การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้น ไม่ยากอย่างที่คิด
คุณพิชัย จาวลา ซึ่งถือว่าเป็นนักลงทุนผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์คนหนึ่ง ได้พูดเชิงเปรียบเทียบการลงทุนระหว่างอสังหาริมทรัพย์กับการลงทุนในหุ้นไว้ว่า
“การลงทุนในหุ้น ดูเหมือนง่าย แต่ยาก ส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ นั้นมีขั้นตอนยุ่งยาก ต้องเรียนรู้ ดูเหมือนยาก แต่สำเร็จง่าย”
โดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกา ผู้ประสำความสำเร็จในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์อีกคนหนึ่งก็เคยกล่าวว่า
“อสังหาริมทรัพย์ คือหัวใจของทุกธุรกิจ”
ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่า ถ้าคุณคิดจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จแล้วล่ะก็ เป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
จริงๆ แล้วการลงทุนในอสังหาฯ ไม่ใช่เรื่องไกลเกินตัว เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น บ้าน ที่ดิน คอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์ โรงแรม เป็นต้น เห็นมั้ยล่ะครับ ชีวิตเราหนีไม่พ้นเรื่องอสังหาฯ หรอก เอาล่ะเชื่อว่าหลายคนคงจะเริ่มเห็นความสำคัญของอสังหาฯ ขึ้นมาบ้างแล้ว จนบางคนคงเริ่มมีคำถามแล้วว่าถ้าอยากจะลงทุน จะเริ่มอย่างไร? และมือใหม่ควรต้องรู้อะไรบ้าง? เรามาดูกันครับ
-
เริ่มต้นที่ความคิด :
ไม่ว่าคนเราจะเริ่มทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องเริ่มที่ความคิดก่อนเป็นอันดับแรก การที่จะลงทุนในอสังหาฯ คุณต้องคิดว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัว และทุกคนก็สามารถที่จะลงทุนได้ แต่ถ้าตราบใดที่ยังปรับความคิดไม่ได้ ก็จะไม่สามารถเริ่มลงมือทำอะไรได้เลย การที่คนเราจะลงมือทำอะไรหรือไม่ลงมือทำอะไร ล้วนแล้วแต่มีต้นกำเนิดมาจากความคิดของเขาทั้งสิ้น
-
อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องเงินที่จะลงทุน :
ถ้าคุณเอาแต่หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องเงิน ว่ายังไม่มีเงินพอที่จะนำไปลงทุน คุณก็จะติดอยู่แต่เรื่องนั้น จนไม่ได้ทำอะไร จริงๆ แล้ว ทุนมี 2 แบบ คือ ทุนที่จับต้องได้ เช่น เงิน ทอง ทรัพย์สินต่างๆ เป็นต้น กับทุนอีกประเภทนึง คือ ทุนที่จับต้องไม่ได้ นั่นก็คือ ความรู้ ความสามารถ คอนเน็คชั่น ทัศนคติ ฯลฯ ซึ่งทุนประเภทนี้เราสามารถพัฒนาได้อย่างไม่มีขีดจำกัด และที่สำคัญมันจะนำพาให้คุณได้เจอกับทุนที่จับต้องได้เอง ดังนั้นถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองมีเงินทุนน้อย อย่าเพิ่มไปคิดเรื่องนั้น ให้โฟกัสเพิ่มศักยภาพของทุนที่จับต้องไม่ได้ของคุณแทน
-
ศึกษาให้รู้จริงทีละอย่าง อย่ามั่ว :
อสังหาริมทรัพย์ มีทั้ง บ้าน ที่ดิน คอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์ โรงแรม ฯลฯ ในการเริ่มต้นควรเริ่มศึกษาให้รู้จริงเป็นอย่างๆ ไป และควรเริ่มจากเล็กไปหาใหญ่ จากง่ายไปหายาก เช่น คุณอาจจะเริ่มที่อพาร์ทเม้นท์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อย พอเริ่มมีประสบการณ์ก็ค่อยๆ เริ่มลงทุนในทรัพย์สินที่ใหญ่ขึ้น และมีความเสี่ยงสูงขึ้นตามลำดับ การที่คุณค่อยๆ เรียนรู้ไปทีละอย่าง จะทำให้คุณยิ่งมีความรู้และความเข้าใจมากยิ่งขึ้น จนทำให้คุณมีความเชี่ยวชาญในทรัพย์สินนั้นๆ ซึ่งจะทำให้คุณมีโอกาสหารายได้จากทรัพย์สินนั้นๆ ได้มากขึ้นด้วย
-
ออกไปเห็นของจริงให้มาก :
สิบปากว่าไม่เท่าตกเห็น การเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการเรียนรู้ในภาคปฏิบัติ คุณไม่สามารถประสบความสำเร็จในการลงทุนได้จากการแค่นั่งเลคเช่อร์ อ่านหนังสือ หรือสัมมนา แต่มันต้องเกิดจากการที่คุณได้ออกไปดูของจริง และควรไปดูไม่น้อยกว่า 50 แห่ง (กูรูบางท่านแนะนำว่าควรไปดูมากกว่า 100 แห่งขึ้นไป) กระบวนการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้จากทั้งการสอบถาม จด สังเกต และเปรียบเทียบสถานที่แต่ละแห่ง จากการที่ได้เห็นสถานที่จริงจะทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้โดยอัตโนมัติ ทำให้รู้ว่า อันไหนราคาเหมาะสม อันไหนราคาแพงไป ทำเลเหมาะสมหรือไม่ ตรงนี้ควรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทไหน ฯลฯ ความรู้เหล่านี้จะเกิดจากการที่เราได้เห็นของจริงจากภาคสนามทั้งสิ้น
-
อสังหาริมทรัพย์มีคานผ่อนแรง :
การผ่อนแรง (Leverage) ในการลงทุน คือการลงทุนโดยใช้เงินคนอื่น หรือที่ศัพท์เทคนิคเราเรียกว่า Other People’s Money (OPM) โดยการลงทุนในอสังหาฯ เราสามารถกู้เงินธนาคารมาลงทุนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนมีโอกาสกู้เงินได้มากถึง 70-80 เท่าของเงินเดือนเลยทีเดียว (โดยทางธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5-7% ต่อปี) สิ่งนี้ถือว่าเป็นเสน่ห์ของการลงทุนในอสังหาฯ เลยทีเดียว
-
อสังหาริมทรัพย์สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ง่ายที่สุด :
ถ้าเทียบกับการลงทุนด้านอื่นๆ โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น จะพบว่าอสังหาฯ จะมีความผันผวนของราคาน้อยกว่ามาก จึงทำให้สามารถความคุมความเสี่ยงได้ง่ายกว่า ลองดูตัวอย่างถ้าเป็นหุ้น จะเห็นว่ามีความผันผวนของราคาสูงมาก เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของคนมาก ความเสี่ยงย่อมสูงตามไปด้วย
ใครๆ ก็เป็นนักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้ทั้งนั้น เพราะการเรียนรู้สิ่งที่อยู่รอบตัว (อย่างอสังหาริมทรัพย์) ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ยาก ที่เราคิดว่าเราเรียนรู้ไม่ได้ เกิดจากการที่เรามองไม่เห็นโอกาส และไม่ได้ใส่ใจมันมากพอเท่านั้นเอง