ก่อนจะไปหาวิธีเอาหุ้นลงจากดอย… เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่า หุ้นขึ้นดอย หรือหุ้นติดดอยมันมีหน้าตาเป็นยังไง แล้วทำไมมันถึงไปอยู่บนดอยได้
คำว่าหุ้นติดดอย หรือหุ้นขึ้นดอยนั้น เป็นสำนวนที่นักเล่นหุ้นมักจะใช้พูดกัน เวลาที่เราซื้อหุ้นมาในราคาที่สูงหรือที่เรียกว่าแพงนั่นเอง แล้วพอถึงเวลาที่อยากจะขายเจ้าหุ้นตัวที่เราซื้อมานั้น ราคาของหุ้นที่เราถือมันดันต่ำกว่าราคาที่เราซื้อมาอีกและยังมีแนวโน้มต่ำลงไปเรื่อยๆ แต่เราก็ยังทำใจขายไม่ได้อีก ได้แต่บอกตัวเองว่ารออีกหน่อยนะเดี๋ยวมันก็ขึ้น หรือว่ารออีกนิดเดี๋ยวมีข่าวดีเข้ามาหุ้นมันก็ขึ้นเอง ค่อยขายตอนนั้นดีกว่า แต่รอยังไงราคามันก็ยังไม่ขึ้นอีก… นั่นแหละเค้าเรียกว่าหุ้นมันขึ้นไปอยู่บนดอยเรียบร้อยแล้ว หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ติดดอย” นั่นเอง
แล้วทำไมเราถึงมีหุ้นติดดอยได้ล่ะ…
คำตอบง่ายก็คือ เราดันไปซื้อหุ้นตอนที่ราคามันเกือบจะสูงสุดของวงจรราคาของหุ้นนั่นเอง … ซึ่งเหตุการณ์นี้มักจะเกิดกับคนซื้อหุ้นที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลของหุ้นตัวนั้นที่ดีพอ แต่ถ้าเป็นนักลงทุนที่คร่ำหวอดในวงการแล้ว มักจะอ่านหุ้นได้ขาด หาจังหวะในการเข้าซื้อหรือขายได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการศึกษาข้อมูลของหุ้นมาเป็นอย่างดีแล้ว เพราะคนที่อ่านหุ้นเป็นและมองจังหวะการซื้อขายได้เก่ง มักจะมีคำพูดติดปากเสมอ คือ “ข่าวดีให้ขาย ข่าวร้ายให้ซื้อ” เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะว่านักลงทุนมือใหม่อย่างเราๆ ส่วนใหญ่ จิตใจไม่แข็งพอ และไม่กล้าซื้อหุ้นตอนมีข่าวร้าย เนื่องจากกลัวว่ามันจะร้ายลงไปอีก แต่ถ้าเราได้ศึกษาประวัติและธรรมชาติของหุ้นที่เราสนใจได้อย่างดีเพียงพอแล้ว การซื้อหุ้นตอนที่มีข่าวร้าย บางทีเราอาจจะได้ของดีราคาถูกก็เป็นได้ แต่ในทางกลับกันถ้าไม่สนใจศึกษาหุ้นที่เราจะซื้อเลย และดันไปซื้อตอนที่หุ้นมีข่าวดีแล้วล่ะก็ เราอาจจะเป็นหมูหรือเม่าที่เข้าไปซื้อหุ้นตอนราคาแพงและติดดอยไปอีกนานก็ได้
แล้วเมื่อ หุ้นติดดอย ทําไงดี..
ไม่ยากเลย คำตอบคือ ทำใจ… อย่าหาว่ากวนประสาทนะ เพราะว่าเมื่อหุ้นมันติดไปแล้ว มันเป็นเรื่องปกติ ก็ต้องทำใจยอมรับสภาพความเป็นจริงของหุ้นกัน… จะทำยังไงได้อย่าไปเครียดกับมัน พอทำใจได้แล้วก็มาตั้งสติกับตัวเอง บอกตัวเองอย่างมีความหวังว่าหุ้นมีขึ้นก็ต้องมีลง เดี๋ยวสักวันมันก็ต้องขึ้นได้ เพียงแต่ตอนนี้หุ้นขอขึ้นดอยไปสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย หลังจากนั้นก็หาบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นของเราที่มันติดดอยมาอ่าน… ว่าแนวโน้มมันจะดีหรือจะร้ายยังไง เราจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ถูกเวลาและไม่เจ็บตัวมากนัก หรือว่าถ้าไม่อยากเครียดมากก็ไม่ต้องสนใจหุ้นตัวนี้ไปเลย…ปิดตัวเองจากการนั่งไล่ล่าติดตามข่าวของหุ้นติดดอย… แล้วหาอย่างอื่นทำเพื่อคลายเครียดไปก่อน … พอหายเครียดแล้วค่อยกลับมาสู้กันใหม่… เพราะเวลาเครียดเรามักมองอะไรแล้วมันก็จะตันไปหมด ทำอะไรไม่ถูก ยิ่งทำยิ่งเจ็บตัว สู้อยู่เฉยๆ ดีกว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่
ทีนี้ถ้าไม่อยากติดดอยซ้ำซาก เราจะต้องยังไงกันล่ะ …
มาดูวิธีที่จะทำให้ตัวเองไม่หลงไปขึ้นดอยกันดีกว่า แรกสุดเลยต้องมีเป้าหมายในการซื้อหุ้นก่อนว่า เมื่อซื้อมาแล้วต้องการกำไรจากการขายหุ้นที่ซื้อมาเท่าไร ซึ่งมันก็เหมือนกับการซื้อของมาขาย… เพราะเวลาซื้อมาแล้วเราก็ตั้งราคาขายไว้ ส่วนต่างก็เป็นกำไรที่เราต้องการเราก็สบายใจแล้ว … หุ้นก็เหมือนกัน…อยากได้กำไรเท่าไรต้องมีไว้ในใจ พอราคาหุ้นไปถึงราคาที่เราต้องการและได้กำไรตามที่ตั้งไว้แล้ว ก็ให้ขายไปเลยอย่าโลภ เพราะถ้าโลภเราอาจจะไปอยู่บนดอยนานเลยก็ได้ ขั้นที่สอง คือ เมื่อเรามีกำไรในใจแล้ว เราก็ต้องมีขาดทุนในใจเหมือนกัน ว่าถ้าราคาของหุ้นตกลงไปแค่ไหนที่เรารับได้ ที่เงินของเราหายไปแล้วเราจะรู้สึกเสียดายน้อยที่สุด… พอราคามันมีแนวโน้มตกลงทุกวันพอถึงจุดที่เราตั้งไว้ เราก็ต้องขายทันที อย่าไปคิดเสียดายว่าเดียวมันจะกลับขึ้นมาอีก… ไม่เช่นนั้นอากาศบนดอยก็คอยเราอีกเช่นกัน หรือไม่เราก็อาจจะเจ็บตัวมากกว่าที่คิดไว้ก็ได้
ที่จริงมันแค่วิธีการง่ายๆ ในการซื้อหรือขายหุ้น แต่ถ้าเราคิดจะเป็นนักลงทุนในหุ้นจริงๆ แล้วล่ะก็สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การหาความรู้ในการลงทุนให้มากพอ รู้จักธุรกิจที่เราอยากจะลงทุนให้ดี ใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์หุ้นแต่ละอย่างให้เป็น เท่านี้เราก็น่าจะพ้นจากการติดดอยได้อีกทางหนึ่ง